เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงแผนการขยายเส้นทางให้บริการรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) ว่า ที่ผ่านมาได้ว่าจ้างที่ปรึกษามาทบทวนโครงการ BRT โดยช่วงแรกมีคนใช้โดยเฉลี่ยประมาณ 8,000 คนต่อวัน หลังจากนั้นช่วงเลิกเก็บค่าโดยสารขยับขึ้นมาประมาณ 10,000 คนต่อวัน ผู้ว่าฯกทม.จึงให้โจทย์ว่าจะเพิ่มจำนวนคนมาใช้ BRT มากขึ้นได้อย่างไร ที่ปรึกษาโครงการจึงเสนอว่า ถ้าขยายเส้นทางเดินรถให้บริการคนไปถนนสาทรต่อถนนพระรามที่ 4 เนื่องจากมีสำนักงานเยอะคาดว่าคนจะใช้บริการเยอะขึ้น

แต่มีข้อจำกัดว่าเส้นทางถนนสาทรนั้น ไม่มีช่องทางเฉพาะในการเดินรถ BRTเหมือนเส้นทางเดิม และรถ BRT เดิมประตูเปิดฝั่งขวา แต่ถ้าจะนำเอารถ BRT เดิมไปให้บริการในช่องทางปกติ และใช้ป้ายรถเมล์ร่วมกับรถ ขสมก. ต้องเป็นประตูฝั่งซ้าย ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ในการเปิดประมูลใหม่รถจะต้องเปิดได้ 2 ประตูทั้งด้านซ้ายและด้านขวา รวมทั้งอุปสรรคอีกหนึ่งเรื่องคือการจราจร หากใช้ร่วมกับรถปกติ รถ BRT ก็จะทำรอบเวลาไม่ได้โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนจะเจอปัญหารถติด ส่งผลให้รถหมุนเวียนให้บริการไม่ได้ จึงมีแนวคิดที่จะเสนอทำ Bus Lane ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนแต่ไม่ใช่ให้ใช้เฉพาะรถ BRT เท่านั้น แต่ก็จะใช้ร่วมกับรถเมล์ของ ขสมก.ที่มีอยู่ 12 สายอีกด้วย

ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอไปยัง กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในการอนุมัติเส้นทางเดินรถในถนนสาทร เพราะเป็นเส้นทางที่มีการเก็บค่าโดยสารจึงต้องขออนุญาต และอยู่ระหว่างขออนุญาตจัดทำ Bus Lane จากตำรวจจราจรด้วยว่าอนุมัติให้ได้หรือไม่ หากผ่านการพิจารณาก็เริ่มให้บริการได้ 1 ก.ย.นี้ โดยเป็นการนำรถ BRT คันใหม่จำนวน 23 คัน มาให้บริการเลย

ส่วนการเก็บค่าโดยสารนั้น ปัจจุบันยังคงให้บริการฟรี แต่ทั้งนี้อยู่ระหว่างจัดหาผู้ประกอบการทำระบบจัดเก็บค่าโดยสารใหม่แทนของเดิมที่มีราคาแพงโดยเสนอให้เป็นส่วนแบ่งรายได้แทน

นายวิศณุ กล่าวเพิ่มว่า ส่วนการขยายเส้นทางเดินรถไปถึง MRT ท่าพระ นั้น จากผลการศึกษาเส้นทางของที่ปรึกษาโครงการก่อนหน้านี้พบว่า ยังมีผู้ใช้บริการน้อยและหากเดินรถไปก็จะส่งผลให้มีรถหมุนเวียนกลับมาให้บริการได้ช้าลงกว่าเดิมเพราะเจออุปสรรคการจราจรติดขัด ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของ BRT คือความถี่ของการให้บริการ คือถ้ารอนานคนจะไม่เลือกใช้ จึงต้องทำให้มีความถี่ในการให้บริการเหมาะสมกับความต้องการด้วย.