จากนั้นทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปนั้น ในวันที่ 3 เม.ย.67  และ 3.วุฒิสภา เปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 วันที่ 25 มี.ค.นี้

และที่น่าจับตาคือการออกมาให้สัมภาษณ์ของ นายปกรณ์วุฒิ  อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ส่งสัญญาณ อาจจะไม่มีการยื่นซักฟอกรัฐบาล “เศรษฐา” ก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 9 เม.ย.นี้ โดยให้เหตุผลว่า “จากการพูดคุยในพรรคร่วม ฝ่ายค้าน ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า สว.จะเปิดอภิปรายทั่วไปปลายเดือน มี.ค. และช่วงใกล้เคียงจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วาระ 2 ดูจากไทม์ไลน์อาจยังไม่มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรืออภิปรายทั่วไปในสมัยประชุมนี้ โอกาสมีน้อยมาก รัฐบาลเพิ่งมา ยังไม่ได้ใช้งบประมาณที่ทำเลยแม้แต่บาทเดียว ตอนนี้ยังไม่ยืนยัน 100% แต่อภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้เป็นไปได้ยาก ส่วนการอภิปรายทั่วไป หากมีประเด็นเราก็พร้อม แต่ถ้าเปิดแล้วไม่มีคุณภาพ ไม่เปิดดีกว่า ควรใช้เมื่อเหมาะสม”

ซึ่งถือเป็นที่น่าแปลกใจ ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะทำงานมาได้เพียง 5 เดือนกว่า แต่ก็มีเสียงสะท้อนจากประชาชน ทั้งนโยบายที่ไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียง เช่น การขึ้นค่าแรง ดิจิทัลวอลเล็ต ปมร้อน ส.ป.ก.4-01 รวมไปถึง สองมาตรฐาน ในกระบวนการยุติธรรมของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ประมุขจันทร์ส่องหล้า  นักโทษที่อยู่ในช่วงโปรโมชั่นจากราชทัณฑ์ให้ “พักโทษ”  ที่ทำผู้เกี่ยวข้องอยู่ในภาวะ “น้ำท่วมปาก” แกล้งตายไปหลายยก ไม่ยอมชี้แจงรายละเอียดต่างๆ นับตั้งแต่ “ทักษิณ” แตะแผ่นดินไทย วันที่ 22 ส.ค.66 กระตุกต่อมหมั่นไส้ให้กับฝ่ายตรงกันข้าม เพิ่มข้อหา “ซูเปอร์อภิสิทธิ์ชน” หลังจากบรรลุภารกิจตามที่เคยประกาศไว้ คือ “กลับบ้านอย่างเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว”

อีกทั้งตามวิสัยของ ฝ่ายค้าน” จะต้องใช้เวทีสภา ตาม ขยี้กล่องดวงใจ อีกทั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ปีที่ 1 คือ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 3 ก.ค.66  ถึงวันที่ 30 ต.ค.66 และสมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ช่วงระหว่างวันที่ 12 ธ.ค.66 ถึงวันที่ 9  เม.ย.67  หรือพูดง่ายๆ คือ เปิดสภา มาตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.66 จนถึงวันที่ 9 เม.ย.67 เท่ากับว่า รัฐบาล “เศรษฐา”  ยังไม่ได้เปิดซิงในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งตามธรรมเนียมการเมือง ทุกสมัยของฝ่ายค้าน จะซักฟอกทิ้งทวนก่อนปิดสมัยประชุมแทบจะทุกครั้ง แต่ทำไมรอบนี้ พรรคก้าวไกล เครื่องช็อต

ทำให้นึกถึงภาพช่วง “ฮันนีมูน” ของการตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรค เพื่อไทย–ก้าวไกล” เมื่อ “เสี่ยเอก”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บินไปพบ “ทักษิณ” ที่ฮ่องกง จึงเกิดคำถามว่ามี ดีลลับฮ่องกง” หรือไม่ สอดคล้องกับการที่ “พรรคก้าวไกล” เกียร์ว่างไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่แตะ “ทักษิณ” ยกเว้นการถามกระทู้ 2 ครั้ง ในสภา เรื่องชั้น 14 จนเกิดความสงสัยว่า ตรงนี้จะเป็นการทอดไมตรี ในการตั้งรัฐบาลในอนาคตหรือไม่  ส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในยุคนี้ก็อย่าไปคาดหวังอะไรมาก ไม่มีใจในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เล่นละครไปวันๆ พร้อมพลิกขั้วมาตั้งรัฐบาลทันที หากเจอเทศกาล “ส้มหล่น”  และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะแถลงความชัดเจนว่าจะอภิปรายหรือไม่ในสัปดาห์หน้า 

ดังนั้น…การตีตั๋วให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแบบสบายๆ  1 ปี มี “ซูเอี๋ย-ดีลลับ” อะไรซ่อนอยู่หรือไม่ ซึ่งตรงนี้จะคู่ขนานไปกับการปรับ ครม. หลังทำงาน 5-6 เดือน ถือเป็นธรรมเนียมของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องปรับ ครม.ทุกๆ 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ และจะทำให้ “ระบอบทักษิณ” คืนชีพ บารมี “บ้านจันทร์ส่องหล้า” จะบดบังรัศมี “บ้านนรสิงห์” หรือไม่ ตรงนี้ห้ามกะพริบตา.