วันที่ 29 ก.พ. นายณพงศ์ธวัช โพธิกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากธปท. ได้เปิดรับฟังความเห็นต่อแนวนโยบายการเปิดกว้างให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลตามสิทธิของผู้ใช้บริการนั้น ในภาพรวม ภาคส่วนต่าง ๆ เห็นด้วยกับหลักการและเป้าหมายที่ ธปท. เสนอ ในการผลักดันกลไกที่เอื้อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้สิทธิส่งข้อมูลของตนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และได้รับบริการที่ดีขึ้น และผู้ให้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งเสริมการแข่งขันและพัฒนาบริการที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทิศทางการผลักดันให้มีกลไกให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิส่งข้อมูลในภาคสถาบันการเงินก่อน โดยบางส่วนเห็นว่าควรผลักดันกลไกที่ผู้ใช้บริการสามารถใช้สิทธิส่งข้อมูลข้ามกันระหว่างภาคส่วนอื่นกับภาคสถาบันการเงินควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะภาคตลาดทุนและภาคประกันภัย เพื่อให้สามารถนำข้อมูลของผู้ใช้บริการที่เก็บอยู่หลายแหล่งไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาบริการและนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จากความเห็นพบว่า ส่วนใหญ่เห็นว่ารูปแบบการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ที่จะได้ประโยชน์มากจากการที่ผู้ใช้บริการสามารถใช้สิทธิส่งข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการได้ คือ การสมัครและการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งข้อมูลที่บ่งบอกพฤติกรรมและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ยื่นขอสินเชื่อจะเป็นประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะข้อมูลที่แสดงถึงรายรับและรายจ่ายของผู้ใช้บริการ เช่น การเดินบัญชีเงินฝาก รายได้ประกอบการยื่นภาษี เงินสมทบประกันสังคม และการซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม รวมถึงดูพฤติกรรมจากการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ว่าการจ่ายบิลตรงเวลาหรือไม่

ขณะที่บางส่วนเห็นว่าข้อมูลที่บ่งบอกสถานะของบุคคลหรือบริษัท ซึ่งสามารถยืนยันความมีตัวตนที่แท้จริงที่มีอยู่กับหน่วยงานภาครัฐ เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวกับการบังคับคดี การล้มละลาย การจดทะเบียนบริษัท และข้อมูลการถือครองสินทรัพย์ที่จับต้องได้ที่อยู่กับหน่วยงานภาครัฐ เช่น ที่ดิน รถยนต์ อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน

ขณะเดียวกันการรวมข้อมูลบัญชีทางการเงินไว้ที่เดียว เพื่อต่อยอดไปยังบริการอื่นที่จะพัฒนาให้เหมาะกับผู้ใช้บริการแต่ละกลุ่มได้ดีขึ้น เช่น การวางแผนทางการเงิน ซึ่งข้อมูลที่แสดงรายรับรายจ่าย เช่น การเดินบัญชีเงินฝาก การใช้บัตรเครดิต การใช้อีมันนี่ และข้อมูลการถือครองสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หลักทรัพย์ กรมธรรม์ประกัน จะเป็นประโยชน์มากที่สุด และหากมีข้อมูลยอดหนี้สินของผู้ใช้บริการ จะทำให้สามารถมองภาพสถานะทางการเงินของผู้ใช้บริการได้อย่างครอบคลุมขึ้น