เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนที่น่าสนใจจาก นายภาคิณ ธรพิริยณ์ อายุ 43 ปี อาชีพนักร้องคาเฟ่แห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่า เมื่อวันอังคารที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนของหลานชายได้ทวงค่าเทอมที่ค้างชำระมาและให้จ่ายค่าเทอมในวันนั้นทันที แต่เนื่องจากเงินเดือนยังไม่ออก จึงตัดสินใจนำโทรทัศน์แบบสมาร์ททีวีขนาด 40 นิ้ว ใส่รถยนต์เพื่อนำไปจำนำหาเงินมาจ่ายค่าเทอมหลานเพียง 1 พันบาท หลังจากที่เพิ่งไถ่ถอนออกมาได้เพียง 15 วันเท่านั้น ปรากฎว่าเมื่อตนนำทีวีกลับไปจำนำที่โรงรับจำนำของเอกชนที่เดิม กลับถูกโรงรับจำนำปฎิเสธโดยอ้างว่าต้องมีกล่องใส่ของทีวีมาด้วย ตนจึงได้พยายามบอกไปว่า ตนเพิ่งถ่ายออกไปเพียง 15 วันเอง ซึ่งมาจำนำโดยไม่มีกล่องทีวีมาเช่นกันแต่ทำไมทางโรงถึงรับจำนำได้ในตอนนั้น ทางโรงรับจำนำจึงบอกกับตนว่าเพิ่งเปลี่ยนกฎใหม่ได้ไม่กี่วัน ตนจึงพยายามขอความเห็นใจว่าโทรทัศน์ตนซื้อมาในราคา 1.5 หมื่นบาท ขอจำนำเพียง 1 พันบาทเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเทอมให้กับหลาน ซึ่งยังของราคา 1.5 หมื่นบาทตนคงไม่ยอมขาดทุนขายในราคา 1 พันบาทแน่นอน สุดท้ายทางโรงจำนำแห่งนี้ก็ไม่ยอมให้ตนจำนำทีวี

นายภาคิณ เปิดเผยอีกว่า หลังโรงจำนำเอกชนรายแรกไม่รับจำนำแล้ว ตนจึงตัดสินใจนำทีวีไปจำนำต่อที่โรงรับจำนำของรัฐในพื้นที่ปากเกร็ด ก็ถูกปฎิเสธมาอีกโดยอ้างว่าราคาทีวีในช่วงนี้ราคาตก จึงไม่รับจำนำแล้ว ทั้งที่ก้อนหน้านี้ตนเคยนำมาจำนำได้ในราคา 1.5 พันบาท จนสุดท้ายตนก็ขับรถตระเวนนำเอาทีวีไปตามโรงรับจำนำทั้งเอกขนและรัฐอีก 4 แห่ง รวมเป็น 6 แห่ง ก็ไม่มีที่ไหนรับจำนำทีวีของตนเลย ทำให้ตนรู้ข้องใจและสงสัยว่า โรงรับจำนำซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนจนในสังคมนี้ ทำไมถึงเลือกที่จะปฎิเสธให้ความช่วยเหลือกับเงินแค่ 1 พันบาท ทั้งๆ ที่โรงรับจำนำก็มีกำไรจากดอกเบี้ยที่รับจำนำ และหากคนที่นำของไปจำนำแล้วไม่มาไถ่ถอนโรงรับจำนำก็นำไปขายต่อได้กำไรอยู่ดี ตนจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมธุรกิจเงินกู้นอกระบบ เงินกู้รายวันถึงได้มีเต็มบ้านเมืองไปหมด เพราะกู้ง่าย ไม่ยุ่งยากอะไร ไม่ต้องมีเหตุข้ออ้าง 108 อะไร สุดท้ายตนก็แบกทีวีกลับมาบ้านเช่า เสียทั้งเวลาและค่าน้ำมันโดยไม่ได้อะไร ตนจึงเบือกแก้ปัญหาด้วยการไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาจ่ายค่าเทอมให้กับหลานชายไปก่อน โดยเสียดอกเบี้ยพันละห้าสิบบาท

นายภาคิณ กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลชุดไหนหรือใครก็ได้ ช่วยดูแลปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของคนจน คนรากหญ้าให้ดีกว่านี้ ของแพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพแพงไปหมด ไม่มีใครคนไหนหรอก ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วจะเดินเข้าไปในโรงรับจำนำ แล้วโรงรับจำนำซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนจนกลับปฎิเสธความช่วยเหลือ กลับสร้างเงื่อนไขเยอะจนคนจนเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ จะเลือกรับจำนำแต่ทองกับเพชร และของแบรนด์เนมเท่านั้นหรือไง ซึ่งของเหล่านี้คนจนมันจะมีไหม ทำไมสมัยก่อนคนถึงหอบครกหอบสากไปจำนำได้ แต่มาสมัยนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานได้กลับไม่รับจำนำ ตนจึงสงสัยว่าปัจจุบันโรงรับจำนำตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือใครกันแน่