สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่า พล.จ.แพทริก ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวถึงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนการ ให้กองทัพสหรัฐก่อสร้างท่าเรือชั่วคราว ริมชายฝั่งของฉนวนกาซา ว่าจะใช้เวลานานประมาณ 60 วัน โดยใช้กำลังทหารราว 1,000 นาย


เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ ท่าเรือแห่งนี้จะสามารถเป็นสถานที่ส่งผ่านอาหารให้แก่ประชาชนในฉนวนกาซา ได้สูงถึง 2 ล้านชุดต่อวัน ขณะเดียวกัน พล.จ.ไรเดอร์ ยืนยัน “จะไม่มีทางทหารอเมริกันในฉนวนกาซา” และโครงการก่อสร้างท่าเรือชั่วคราวดังกล่าว จะเป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับพันธมิตร


อีกด้านหนึ่ง เครื่องบินลำเลียง ซี-130 ของกองทัพสหรัฐ ปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพจอร์แดน ในการหย่อนเสบียง 11,500 ชุด เหนือฉนวนกาซา โดยเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งกองทัพสหรัฐส่งเสบียงช่วยเหลือประชาชนในฉนวนกาซา


อย่างไรก็ตาม การส่งเสบียงทางอากาศ อาจก่อให้เกิดอันตรายเช่นกัน โดยโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดของฉนวนกาซา รายงานว่า สิ่งของที่ถูกหย่อนลงมาทางอากาศ แม้มีร่มชูชีพช่วยลดแรงเสียดทาน แต่เกิดกรณีร่มชูชีพไม่ทำงาน ส่งผลให้สิ่งของตกกระแทกใส่ประชาชน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 คน


ขณะที่แหล่งข่าวในรัฐบาลวอชิงตันให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าเรือแห่งนี้ ว่าจะบรรเทาความหนาแน่นของคาราวานรถบรรทุกส่งมอบสิ่งของ ที่ต้องรอต่อแถวยาวเหยียด ผ่านจุดตรวจระหว่างพรมแดนอียิปต์กับฉนวนกาซา และด่านตรวจหลายแห่งระหว่างอิสราเอลกับฉนวนกาซา


อนึ่ง สิ่งของทั้งหมดที่จะเดินทางมายังท่าเรือแห่งนี้ในอนาคต จะต้องแวะพักที่ไซปรัสก่อน เพื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยสหรัฐและไซปรัส ไม่ใช่กลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามคำขอของอิสราเอล.

เครดิตภาพ : AFP