สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ว่า นักวิจัยหลายร้อยคนที่ตรวจสอบข้อมูลของสถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ (ไอเอชเอ็มอี) ในสหรัฐ ระบุว่า การลดลงดังกล่าวถือเป็นการพลิกกลับอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่อายุคาดเฉลี่ยทั่วโลก เพิ่มขึ้นมาหลายสิบปี

“สำหรับผู้ใหญ่ทั่วโลก การระบาดของโรคโควิด-19 มีผลกระทบอย่างลึกซึ้ง มากกว่าเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้ง และภัยพิบัติทางธรรมชาติ” นายออสติน ชูมักเกอร์ นักวิจัยของไอเอชเอ็มอี และผู้เขียนนำของงานศึกษาในวารสาร “เดอะ แลนเซ็ต” (The Lancet) กล่าวในแถลงการณ์ว่า ระหว่างปี 2563-2564 อายุคาดเฉลี่ยในประเทศและดินแดน 204 แห่งที่ได้รับการวิเคราะห์ ลดลง 84% สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบร้ายแรง ที่อาจเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสชนิดใหม่

ทีมนักวิจัยประมาณการว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี เพิ่มขึ้น 22% และ 17% สำหรับผู้ชายและผู้หญิง ตามลำดับ ในช่วงเวลานี้ ซึ่งกรุงเม็กซิโก ซิตี, เปรู และโบลิเวีย อยู่ในกลุ่มสถานที่ซึ่งมีอายุคาดเฉลี่ยลดลงมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การศึกษาภาระโรคระดับโลก ของไอเอชเอ็มอี ชี้ให้เห็นว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เสียชีวิตน้อยลงประมาณ 500,000 คน ในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตของเด็ก ลดลงในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่า ผู้คนทั่วโลกยังคงมีอายุยืนยาว แม้ประสบกับการระบาดใหญ่ก็ตาม โดยระหว่างปี 2493-2564 อายุคาดเฉลี่ยแรกเกิด เพิ่มขึ้นจากเดิม 49 ปี เป็น 72 ปี

อนึ่ง บรรดานักวิจัยประเมินว่า โรคโควิด-19 เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตส่วนเกิน 15.9 ล้านคน เมื่อปี 2563-2564 ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโดยตรงหรือโดยอ้อม เนื่องจากการชะงักงันที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ ซึ่งจำนวนการเสียชีวิตส่วนเกินดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้หลายล้านคน.

เครดิตภาพ : AFP