สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ว่า สำนักงานคณะผู้แทนถาวรอิหร่านประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์ว่า “ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว” สื่อถึงการที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ใช้ขีปนาวุธและโดรนจำนวนมาก โจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้กรณีเจ้าหน้าที่ไออาร์จีซี 7 นาย เสียชีวิตจากเหตุการณ์สถานเอกอัครราชทูตอิหร่านในซีเรีย ถูกถล่มเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งอิหร่านเชื่อมั่นว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล


ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุด้วยว่า “อิสราเอลไม่ควรทำผิดซ้ำอีก” เนื่องจากการตอบโต้ของอิหร่านครั้งต่อไป “จะรุนแรงมากกว่านี้” และยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลโดยตรง เป็นการอาศัยอำนาจตามมาตรา 51 ของกฎบัตรยูเอ็น เกี่ยวกับ “สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง”


ขณะที่ พล.ต.ฮอสเซ็น ซาลามี ผู้บัญชาการไออาร์จีซี กล่าวว่า ภารกิจดังกล่าว “บรรลุเป้าหมาย” ที่เป็นการโจมตี “ขุมกำลังซึ่งอิสราเอลใช้โจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านในซีเรีย”


ด้านสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่แถลงการณ์ของนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการ ประณามการโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอล และเรียกร้องคู่กรณีทุกฝ่าย ยุติการใช้ความรุนแรงในตะวันออกกลาง เนื่องจากไม่ควรมีภูมิภาคแห่งใดบนโลกเป็นสมรภูมิสงครามอีก.

เครดิตภาพ : AFP