สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ว่า สำนักงานตำรวจฮ่องกงออกแถลงการณ์ เมื่อวันพฤหัสบดี ตั้งข้อหา “สมคบคิดกันเผยแพร่สิ่งตีพิมพ์ที่มีเนื้อหาปลุกระดม” กับชายสองคน อายุ 34 ปี และ 52 ปี ขณะที่หน่วยงานซึ่งเป็นต้นสังกัดของทั้งคู่ในระหว่างกระทำความผิด จะถูกฟ้องในข้อหาเดียวกัน ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เหลือยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบปากคำ


แม้รายงานของพนักงานสอบสวนไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อของบริษัท และชื่อของชายทั้งสองคน อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นแห่งอื่นของฮ่องกงรายงานไปในทางเดียวกัน ว่าบริษัทที่ถูกดำเนินคดีคือ สแตนด์ นิวส์ ซึ่งปิดตัวไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังมีการตรวจค้นและจับกุมสมาชิกอย่างน้อย 7 คน ในกองบรรณาธิการ ส่วนผู้ที่ถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการแล้ว คือ นายแพทริก แลม รักษาการบรรณาธิการใหญ่ และนายชุง พุย-กวน อดีตบรรณาธิการใหญ่ ซึ่งเพิ่งลาออกไปเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา


ขณะที่นางแคร์รี แลม หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกง กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสแตนด์ นิวส์ “ไม่ใช่การคุกคามและกดขี่ข่มเหงต่อสื่อมวลชน” แต่เป็นการยับยั้งและป้องปรามกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาศัยการทำงานของสื่อมวลชน เพื่อการปลุกระดมทางการเมือง และการเรียกร้องของบุคคลบางกลุ่ม ณ เวลานี้ “เป็นการแทรกแซงกิจการภายใน” สื่อถึงการที่นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศของสหรัฐ เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวกองบรรณาธิการของสแตนด์ นิวส์ และประณามจีน “ปิดปากสื่อมวลชนอิสระ”


ทั้งนี้ คำว่า “ปลุกระดม” กลายเป็นคำที่คุ้นหูชาวฮ่องกงมากขึ้น นับตั้งแต่กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่บัญญัติโดยจีน มีผลบังคับใช้กับฮ่องกงเพียงแห่งเดียว เมื่อกลางปี 2563 แม้ไม่ได้ระบุโดยตรง ว่าเรื่องนี้ถือเป็นการะทำผิดทางอาญา ทว่ามีหลายกรณีซึ่งผู้พิพากษาพิจารณาโดยอ้างถึงกฎหมาย ซึ่งบัญญัติตั้งแต่สมัยฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES