เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า แทงหวยไม่ถูก แต่เรื่องแตงโมถูก 100%

ตามที่ผมแถลงข่าวไว้

1. จะมีคนกลับคำให้การ เลือกจะโกหกแล้ว ก็ต้องโกหกให้ตลอด แต่ถ้าโกหกได้ไม่สุด ก็ต้องกลับคำให้การ เพราะมี 5 คน จะโกหกเหมือนกันได้อย่างไร?

ขนาดพี่น้องท้องเดียวกัน คลานตามกันมา 3 คนแท้ๆ ยังทะเลาะกัน นับประสาอะไรกับคนต่างพ่อต่างแม่ ต่างคนต่างมา? ส่วนจะถือว่าเป็นการ “แจ้งความอันเป็นเท็จ” หรือไม่? ก็ขึ้นอยู่กับว่า หากเป็น “ผู้ต้องหา” ที่มีการตั้งข้อหาแล้ว จะกลับคำให้การอย่างไรก็ได้ ถือว่าเป็นสิทธิในการต่อสู้คดี

แต่หากมีสถานะเป็น “พยาน” หากโกหกก็ถือว่า “แจ้งความอันเป็นเท็จ” อย่างที่ผมว่าไว้ …

2. รถหรู เรือเร็ว จิบไวน์แพง อัพยา ปาร์ตี้ นี่คือวงจรของไฮโซทั่วโลก ไม่มีพ้นเรื่องพวกนี้ ทั้งดื่ม ทั้งดูด ทั้งดม ครบเครื่อง 1 ใน 5 ยังตาลอยแถลงข่าวอยู่เลย ที่หลบไป 2 วัน ไม่ใช่อะไร รอให้มันจางก่อน หรือว่าจะไปเติมอีกหน่อยดี? มันเครียดนะ

นี่ก็ผมว่าไว้อีก

3. คอนเนกชั่น พอเกิดเรื่อง ก็ติดต่อหาผู้ใหญ่ นักการเมืองแก๊งรถหรู ชื่อย่อ ช. และ ก. และ ผ. แต่พวกนี้แจวเรือหนีหมด จากแรกๆ ไวน์เป็นลัง เลยเหลือแค่ขวดเดียว จากขวดเดียว เลยเหลือแค่คนละแก้ว โถ.. พวกไฮโซ แก้วเดียวมันพอที่ไหน? ไวน์ขวดนึง เทได้ 6-7 แก้วมากสุด ไปกัน 6 คน ขวดเดียวจะไปพอหรือ? กระดก 2 ทีก็หมดแล้ว

นี่ก็ผมว่าไว้

4. คนตายแก้ตัวไม่ได้ เวลามีคดี ไม่มีอะไรจะสุดระยำตำบอนเท่ากับการ “โทษคนตาย” เพราะคนตายแล้วลุกขึ้นมาแก้ตัวไม่ได้ ดังนั้นจึงตัดจบที่ว่า “คนตายพลาดเอง” ไปฉี่ที่ท้ายเรือ ทั้งๆ ที่ล่องสปีดโบ๊ตอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา หาใช่ท้องทะเลอ่าวไทย ริมแม่น้ำ วัดก็มีห้องน้ำ ร้านอาหารก็มีห้องน้ำ โรงแรมก็มีห้องน้ำ ใครจะบ้าไปนั่งฉี่โชว์กลางแม่น้ำ? นี่ผมก็บอกไว้แล้ว

5. คำแนะนำ สุภาษิตประจำใจชูวิทย์ “สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ” ความจริงคือสิ่งไม่ตาย ขืนยังฝืนโกหกต่อไปอาจต้องไปเรือนจำพิเศษฯ ถิ่นเก่าของผม

อย่างที่ผมว่าเอาไว้ทุกประการฉะนี้ …