เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 พ.ค. นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.พรรคไทรักธรรม กล่าวถึงการหารือของ ส.ส.กลุ่ม 16 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการอัพเดทข้อมูลการทำงานหลังไปร่วมวงดินเนอร์กับแกนนำพรรคเพื่อไทยในวันที่ 23 พ.ค.ผ่านมา ซึ่งมี 4 แนวทางทำงานของกลุ่ม คือ 1. ยืนยันการทำงานลงมติไปในทิศทางเดียวกัน 2.การอภิปรายไม่ไว้วางใจหากรัฐมนตรีไม่สามารถตอบคำถามชี้แจงเรื่องสัมปทานโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ได้ ก็จะไม่สามารถยกมึงไว้วางใจให้ได้ 3.เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ล่าสุดกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับมีมติให้หารด้วย 100 ซึ่งส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของกลุ่มพรรคเล็ก และ 4.หากรัฐสภาลงมติวาระ 3 ตามกรรมาธิการ จะส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของแต่ละพรรค ซึ่งแต่ละพรรคก็มีการประสานกับพรรคการเมืองใหญ่เอาไว้บ้างแล้ว ซึ่งช่องทางหนึ่งก็ไม่ปิดกั้นที่จะไปร่วมงานการเมืองกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย

เมื่อถามถึง ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเล็กกลุ่ม 16 กับ ร.อ.ธรรมนัส นั้น นายพีระวิทย์ กล่าวยืนยันว่า ยังคงแน่นแฟ้นไม่สามารถขาดจากกันได้ ขอให้ฝ่ายค้านและขอให้นายกรัฐมนตรีเข้าใจพรรคเล็ก ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้านายกรัฐมนตรี ชี้แจงตอบข้อซักถามได้ทุกประเด็น เราพร้อมที่จะยกมือไว้วางใจให้ เพราะไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องร่วมมือกับ ร.อ.ธรรมนัส โค่นล้มนายกรัฐมนตรี ซึ่งจากการหารือกับ ร.อ.ธรรมนัส หากการชี้แจงของรัฐมนตรีคนใดไม่สามารถชี้แจงเข้าใจได้ชัดเจน เราก็ไม่สามารถที่จะยกมือไว้วางใจให้รัฐมนตรีคนนั้นได้ แต่เบื้องต้นที่ได้คุยกัน สำหรับนายกรัฐมนตรีหากการบริหารถูกต้อง ร.อ.ธรรมนัสไม่ปฏิเสธที่จะไว้วางใจ ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้ต้องใช้คำว่ารัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ยอมรับพุ่งเป้าการอภิปรายเรื่องท่อส่งน้ำ อีอีซี แต่ไม่ชัดว่าจะเป็นนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง หรือไม่ ทั้งนี้ให้ข้อสังเกตว่าการเลื่อนการลงนามสัญญาสัมปทานออกไปอาจจะเป็นช่วงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นได้

เมื่อถามถึง ทิศทางการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นั้น นายพีระวิทย์ กล่าวว่า ทางกลุ่ม 16 ตั้งใจให้ผ่านเพื่อนำงบประมาณไปขับเคลื่อนประเทศ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามว่า มีจุดไหนไม่ชอบมาพากล ก็จะส่งสัญญาณผ่านรัฐมนตรี หากไม่มีการแก้ไขก็จะใช้สิทธิใช้เสียงในสภาผู้แทนราษฎร

“ขอเตือนพรรคร่วมรัฐบาล วิปรัฐบาลและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แกนนำพรรครัฐบาล หากต้องการให้ร่างกฎหมายงบประมาณปี 2566 ผ่านจะต้องเข้าประชุมอย่างพร้อมเพียง ซึ่งสมมติว่ามี ส.ส.ติดโควิด 20 คน ก็จะเป็นปัญหาวุ่นวายต่อรัฐบาล และเรามั่นใจว่ามีเสียงเพียงพอที่ร่วมมือฝ่ายค้านล้มรัฐบาลได้ เพราะว่าพรรคฝ่ายค้านต้องการอีก 30 เสียงเท่านั้น ซึ่งกลุ่มภาคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส มี ส.ส. จำนวน 16 คน ที่ร่วมโหวตได้กับกลุ่ม 16 รวมแล้ว 35 คน ก็เกินความคาดหมาย ขณะเดียวกันอยู่ที่ฝ่ายค้านด้วยว่าจะสามารถควบคุมเสียงของตัวเองได้หรือไม่”

นอกจากนี้ นายพีระวิทย์ยังกล่าวชี้แจงถึงกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานพรรคเล็ก มาคุยกับพรรคเล็ก เมื่อวันที่ 25 พ.ค.นี้ นั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้ล็อบบี้เสียงพรรคเล็ก เพียงแต่มากำชับในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ในสัปดาห์หน้าอย่าขาดองค์ประชุม