ท่ามกลางสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เข้าขั้นวิกฤตเช่นปัจจุบัน ก็มีแนวคิดและนวัตกรรมที่ผุดขึ้นมารองรับปัญหาดังกล่าวออกมามากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมเกี่ยวกับของกินของใช้ บริการต่าง ๆ การเดินทาง วิถีการใช้ชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ในยามที่เราไม่มีชีวิตในโลกนี้ออกต่อไป 

ความจริง แนวคิดของการจัดการร่างผู้เสียชีวิตแบบ ‘ดินคืนสู่ดิน ธุลีคืนสู่ธุลี’ นั้นมีมานานแล้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อน ก็เคยมีข่าวเกี่ยวกับการนำเสนอไอเดียนำศพไปทำเป็น ‘แคปซูลต้นไม้’ ซึ่งเมื่อนำไปฝังลงดิน รอจนศพย่อยสลายก็จะกลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ที่ฝังไปพร้อมกัน หรือนวัตกรรมโลงศพที่สามารถย่อยสลายได้ เพื่อลดการใช้ไม้เนื้อแข็งซึ่งเป็นวัสดุหลักของโลงศพแบบเดิม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีกิจการในทำนอง ‘ทำปุ๋ยจากศพ’ ได้รับความนิยมขึ้นมาจนเป็นกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะทางผู้ให้บริการมีการโพสต์คลิปวิดีโอลงบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง ‘ติ๊กต็อก’ อย่างสม่ำเสมอ จึงสามารถดึงดูดความสนใจจากสาธารณชนได้เป็นจำนวนมาก

บริษัทผู้ให้บริการดังกล่าวมีชื่อว่า ‘รีเทิร์น โฮม’ เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการฝังศพ และแปลงร่างของผู้เสียชีวิตเป็นดินซึ่งสามารถนำไปเพาะปลูกได้ โดยกระบวนการนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Terramation’ ซึ่งโดยหลักการแล้วก็คือการทำให้ศพผู้ตายย่อยสลายจนกลายเป็นดินและปุ๋ย ซึ่งเป็นกระบวนการที่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยกว่าการเผาศพและใช้วัสดุประเภทไม้น้อยกว่าการฝังด้วยโลงศพตามปกติ

กระบวนการเริ่มต้นจากการทำความสะอาดศพ ติดป้ายชื่อ จากนั้นเตรียมบรรจุลงในหีบซึ่งมีลักษณะเป็นคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ระหว่างนี้จะอนุญาตให้ครอบครัวผู้ตายตกแต่งตัวหับหรือใส่ของที่ระลึกลงไปในหีบด้วย 

ภายในหีบบรรจุจะมีวัสดุออร์แกนิกรองไว้ เช่น ฟางแห้ง ขี้เลื่อย หญ้าอัลฟาฟ่า หลังจากที่บรรจุศพลงไปแล้ว พนักงานจะทำการซีลปิดหีบ นำไปเก็บไว้ในห้องเก็บ โดยจะมีการต่อท่อของระบบเก็บกลิ่นเข้ากับตัวหีบเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวน จากนั้นก็รอเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ศพจะกลายเป็นดินและปุ๋ย ระหว่างนี้ ครอบครัวของผู้ตายสามารถมา ‘เยี่ยม’ ได้

หลังจากครบ 30 วัน ร่างของผู้ตายจะย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในร่างกายคนอยู่แล้ว เหลือเพียงกระดูกและเศษซากอื่น ๆ ที่ย่อยสลายไม่ได้ เช่น น็อตยึดกระดูกที่ผู้ตายเคยผ่าตัดฝังไว้ ลวดถ่างหลอดเลือด ฟันปลอม เป็นต้น 

พนักงานจะนำวัสดุที่ย่อยสลายไม่ได้เหล่านี้ออกจากหีบเพื่อนำไปรีไซเคิล ส่วนกระดูกจะจัดส่งไปยังแผนกจัดการ ซึ่งจะทอนกระดูกของผู้ตายให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นก็นำไปใส่ไว้ในหีบบรรจุใบเดิมเพื่อรอให้จุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายอีก 30 วัน 

เมื่อทุกอย่างย่อยสลายเรียบร้อยแล้ว ครอบครัวของผู้ตายก็สามารถมารับร่างของผู้ตายที่กลายเป็นดินและปุ๋ยในหีบบรรจุ รวมเวลาของกระบวนการย่อยสลายทั้งหมด 60 วัน

ทาง รีเทิร์น โฮม ให้ข้อมูลว่า ครอบครัวผู้ตายส่วนใหญ่จะมารับสิ่งที่เหลืออยู่ในหีบบรจุทั้งหมด ซึ่งจะอยู่ในรูปของดินผสมปุ๋ยที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก มีน้ำหนักโดยเฉลี่ย 400 ปอนด์ หรือประมาณ 180 กก. ในกรณีนี้ ทางบริษัทจะนำ ‘ดิน’ ที่ได้จากร่างผู้ตายบรรจุลงในกระสอบผ้า ซึ่งจะช่วยให้ระบายอากาศได้ดี โดยกระสอบแต่ละใบจะมีการติดป้ายชื่อผู้ตายพร้อมกับวันเดือนปีที่เกิดและเสียชีวิต 

นอกจากนี้ยังมีการแยก ‘ดิน’ บรรจุลงไปถุงผ้าขนาดเล็กพร้อมป้ายชื่อประจำตัวผู้ตายเพื่อให้สะดวกในการถือหรือจัดเก็บเป็นที่ระลึก ส่วนในกรณีที่ครอบครัวไม่ต้องการ ‘ดิน’ ทั้งหมดและรับไว้เพียงถุงบรรจุที่ระลึก ทางบริษัทจะนำดินที่ได้จากการย่อยสลายของร่างผู้ตายไปโปรยไว้ในพื้นที่ป่าที่ต้องการปุ๋ยบำรุง

สำหรับค่าบริการการทำศพในลักษณะนี้นับว่าย่อมเยากว่าการทำศพตามปกติมาก ทาง รีเทิร์น โฮม คิดค่าบริการเพียง 4,950 เหรียญสหรัฐ (ราว 170,000 บาท) ในขณะที่ค่าทำศพทั่วไปในสหรัฐจะอยู่ที่ 7,848 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 270,000 บาท

แหล่งข้อมูล : buzzfeed.com, tiktok.com/returnhomenor

เครดิตภาพ : Getty Images