เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะเบญจกิติ กับสวนลุมพินี ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอบคุณทุกคนที่ผ่านมาที่ได้พยายามอย่างเต็มที่ เรามีพื้นที่ที่สวยงามเป็นพื้นที่ประชาชนนิยม ชอบมาออกกำลังกาย ท่องเที่ยวพักผ่อน เราคาดหวังจากเจตนารมณ์ครั้งแรก ต้องการให้เป็นสวนที่เป็นเทรนด์ของคนไทยทุกคนโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ในทุกกิจกรรมที่มีอยู่ จากที่ไปดูงานมาหลายประเทศ อะไรที่ทำได้ก็เสนอแนะในแนวทางปฏิบัติไป เพื่อพิจารณาได้ว่าทำอะไรได้บ้าง ซึ่งขณะนี้มีหลายอย่างที่มีความคืบหน้า

ทั้งนี้คาดหวังว่าเราจะสามารถทำได้สำเร็จทันวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นระยะ 2-3 และวันนี้ยินดีที่นายชัชชาติเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งสวนดังกล่าวมีการส่งมอบไปแล้วส่วนหนึ่ง ระหว่างกรมธนารักษ์กับกรุงเทพมหานคร เพื่อจะได้ดูแลรักษาและทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ หลายอย่างที่ทำมาแล้ว ก็ต้องถามประชาชนว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม อะไรที่ทำได้ก็ทำไป จะเห็นได้ว่าวันนี้เรามีสวนขนาดใหญ่ เป็นที่น่าภาคภูมิใจ

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมด้านสถานที่ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมเอเปคในช่วงเดือน พ.ย.65 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการเตรียมความพร้อมไปตามลำดับ ที่ผ่านมาได้ใช้สถานที่แห่งนี้ประชุมไปแล้วหลายครั้ง ซึ่งจะมีกว่า 180 การประชุม ก่อนจะถึงการประชุมเอเปค วันนี้มีการประชุมไปหลายหน่วยงานหลายกระทรวงแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็มาประชุม เรียกวันนี้แล้วประชุมพรุ่งนี้ ต้องไปศึกษาดูแล้วกัน การทำงานไม่ใช่การประชุมแล้วเสร็จเลย ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่

เมื่อถูกถามว่ามั่นใจว่าจะอยู่ในตำแหน่งถึงช่วงประชุมเอเปคหรือไม่ เนื่องจากในเดือน ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ จะตีความการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “แล้วแต่ ใครจะทำอะไรก็ทำ” ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยมีสีหน้าท่าทางอารมณ์หงุดหงิด