เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 ก.ย. ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น มีการประชุมพรรคภูมิใจไทยสัญจร ครั้งที่ 2/2565 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พร้อมรัฐมนตรีของพรรค อาทิ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รองหัวหน้าพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ และบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมอย่างคึกคัก อาทิ นายไชยชนก ชิดชอบ บุตรชายนายเนวิน ชิดชอบ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ โดยมีประชาชนประมาณ 5,000 คน เข้าร่วมงาน ภายใต้มาตรการสาธารณสุขคุมเข้มโควิด-19

สำหรับบรรยากาศในงานมีการชูป้ายสนับสนุน “นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี” รวมถึงป้ายนโยบายของพรรค เช่น นโยบายกัญชาเสรี นโยบายปลดหนี้ กยศ. ตลอดทั้งงานด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อนายอนุทินมาถึง มีวงกลองยาวต้อนรับ โดยนายอนุทินได้ร่วมตีฉาบ และฟ้อนรำอย่างสนุกสนาน พร้อมถ่ายภาพเซลฟี่อย่างเป็นกันเองกับประชาชนที่มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไฮไลต์สำคัญของงานคือการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น จำนวน 8 เขต จาก 11 เขต ได้แก่ นายฐิตินันท์ แสงนาค เขต 1 นายวัฒนา ช่างเหลา เขต 2 นายเอกราช ช่างเหลา เขต 4 นายวิศรุต ปู่เพ็ง เขต 6 นายปริญญ์ ศรีภักดี เขต 7 นายสุรศักดิ์ ไทยน้อย เขต 8 นายองอาจ ฉัตรชัยพลรัตน์ เขต 10 นายเจริญ แซ่เต็ง เขต 11 อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า นายเวียง วรเชษฐ์ อดีต ส.ส.หลายสมัย จ.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย มาร่วมงานด้วย

จากนั้น เวลา 16.15 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีปราศรัยว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมเป็นผู้แทนของคนไทยทุกคน วันนี้เรามา จ.ขอนแก่น เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและมาประชุมพรรคเพื่อรับฟังปัญหาประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไข เพราะเราเป็นพรรคพูดแล้วทำ ทุกพรรคพูดกับพี่น้องประชาชนว่าจะนำความเจริญ นำความเปลี่ยนแปลงมาให้ แต่ต้องพิสูจน์ด้วยการพูดแล้วทำ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย มั่นใจว่าเป็นพรรคเดียวที่พูดแล้วทำทันที ส่วนจะทำได้แค่ไหนขึ้นอยู่ที่พี่น้องชาวขอนแก่น ถ้าอยากให้พรรคพูดแล้วทำให้ จ.ขอนแก่น ขอให้เลือกพรรคเยอะๆ พี่น้องประชาชนต้องตัดสินใจให้แม่น ให้ถูก เพื่อจะได้พรรคที่เข้าใจ เห็นอกเห็นใจพี่น้องประชาขน ซึ่งในส่วน จ.ขอนแก่น มี 11 เขต ถ้าเราได้ 8 เขต อีก 3 เขต ยกให้พรรคอื่นไปเลย

ตอนเราตั้งพรรคใหม่ เราไม่ได้มี ส.ส.เยอะขนาดนี้ ยังไม่ได้รับความไว้วางใจ แต่พอเราได้รับเลือกเข้ามาทีละน้อยๆ เราทำงานตอบแทนประชาชนทำตามสัญญา พี่น้องประชาชนจึงให้ความมั่นใจพรรคภูมิใจไทยมากขึ้น เราเริ่มจากพรรคบุรีรัมย์ ที่มี ส.ส.เพียง จ.บุรีรัมย์ แต่เราทำงานไม่ท้อถอย คนจังหวัดอื่นๆ เริ่มเห็น จึงให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยบ้าง เราจึงเริ่มมี ส.ส.จังหวัดใกล้เคียง กระทั่งวันนี้เรามี ส.ส.ทั้งภาคอีสาน แต่วันนี้เรามี ส.ส.ทุกภาค เพราะเราเป็นพรรคของคนไทยทุกคน

“พรรคภูมิใจไทยถึงอย่างไรก็ไม่ลืมกำพืด ว่าเกิดบนแผ่นดินอีสาน ทำให้พรรคได้มีบุญวาสนาไปทำงานให้ภาคอื่นๆ จนวันนี้เรามีบุญมากที่ได้ทำงานให้คนไทยทุกคน เราจะสร้างความสามัคคีให้พี่น้องทุกคน เราจะรบ จะแตกแยกกันทำไม เห็นต่างได้ แต่ต้องไม่ขัดแย้ง เราต้องนำสิ่งที่ดีที่สุด คือสิ่งที่ประชาชนต้องการมาทำให้ได้ เราเป็นพรรคปฏิบัติการ คือพูดอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ จึงได้ชื่อว่าเป็นพรรคพูดแล้วทำ วันนี้ขอให้พรรคภูมิใจไทยได้เกิดใน จ.ขอนแก่น ได้หรือไม่ ที่ผมพูดทั้งหมดไม่ได้ขายฝัน ผมไม่ใช่ หนู เชิญยิ้ม แต่เป็นหนูนำความเจริญสู่ประเทศไทย พรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ เรื่องระยำๆ จะไม่บังเกิด ดังนั้นเลือกตั้งครั้งหน้าขอให้เข้าคูหากาพรรคภูมิใจไทย”

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า วันนี้เรามาขอโอกาสพี่น้อง จ.ขอนแก่น ตนเชื่อว่าจะได้รับโอกาสที่ดี เพราะเกิดมาไม่เคยสัมผัสมือใครมากเท่าวันนี้ รู้สึกได้ถึงแรงบีบ ที่ตนหมายความว่าเป็นการให้กำลังใจ และพี่น้องกำลังจะบอกว่าช่วยพวกเราด้วย ดังนั้นพลังทั้งหลายของพี่น้องอยู่ในฝ่ามือของตนแล้ว ตนจะจำใส่หัวไว้ว่า พรรคภูมิใจไทย มีประชาชนคุ้มกะลาหัวอยู่ เราจะทำทุกอย่างเพื่อประชาชนโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

คราวก่อนเราให้สัญญาจะทำกัญชาทางการแพทย์ให้สำเร็จ วันนี้สำเร็จแล้ว แม้ว่าร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ… จะค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะกระทรวงสาธารณสุขที่พรรคดูแลอยู่ สามารถดูแลให้เดินต่อไปได้โดยไม่กระทบประชาชน เพราะกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ไม่ต้องกังวล ทั้งนี้ กฎหมายที่จะออกมาเพื่อให้ประชาชนสบายใจ แต่พอถูกขัดขา เพราะเขากลัวพรรคดังเกินไป เขาจึงดึงเอาไว้ พรรคที่เขาดึงไว้ เขากลัวพรรคภูมิใจไทย เป็นคู่แข่งที่สำคัญของเขา เขากลัวเพราะเขาทำไม่ได้เหมือนพรรคภูมิใจไทย แม้จะขัดเราอย่างไร เราก็ยังดำเนินการต่อไปได้