เรียกได้กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก สำหรับเรื่องราวที่ จ.สุรินทร์ ทำกิจกรรม “การพับตุ๊กตาช้างที่มากที่สุดในโลก” ด้วยผ้าพื้นเมืองสุรินทร์ ที่สนามแสดงช้าง เพื่อบันทึกสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด (Guinness World Records) ในขณะที่ผู้ใหญ่นั่งชมอยู่ในร่มบนอัฒจันทร์ แต่เด็กนักเรียนจำนวนมากนั่งพับตุ๊กตาช้างกลางแดดร้อนจัด จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความจากเด็กนักเรียนรายหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า “ทั้งหมดนี้ ผมพูดในมุมของผมที่เป็นนักเรียนนะครับ ในเหตุการณ์นี้ เราได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า สถานะของพวกเรานั้นเป็นอย่างไร พวกเขานั้นอาจจะกล่าวชื่นชมยินดีและภูมิใจกับการกระทำของพวกเรา แต่หารู้ไม่ว่า พวกเรานั้นอาจจะถูกมองเป็นเพียงแค่ “เครื่องมือ” อย่างหนึ่งก็ได้ มันไร้ซึ่งจริยธรรมและมนุษยธรรมสิ้นดี

พวกเขานั้นพูดได้อย่างเต็มปากว่า นี่คือความภาคภูมิใจของชาวสุรินทร์ ความภาคภูมิใจนั้น เป็นเพียงแค่หน้ากากบังหน้าที่ซ่อนความอัปยศและความอับอายของชาวสุรินทร์ไว้เบื้องหลัง ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดที่พวกเราอยู่ใช้ชีวิตกันอยู่นั้น ถูกปกครองด้วยคนพวกนี้ เหล่าผู้คนที่เรียกตนเองว่าเป็น “ผู้ใหญ่” แต่พวกเขาก็อาจจะมองเราเป็นเพียงแค่เครื่องมือ ไม่ก็ทาสดีๆ นี่เอง

ในวันที่ 18 พฤศจิกายน มีการนัดหมายนักเรียนและนักศึกษาในต่างโรงเรียนหรือต่างสถาบันต่างๆ ของเมืองสุรินทร์ ให้มารวมตัวกัน ณ สนามแสดงช้างสุรินทร์หรือที่ชาวสุรินทร์เรียกกันว่า “สนามศรีณรงค์” เพื่อมาทำกิจกรรมการพับตุ๊กตาช้างและนับสถิติเพื่อนำมาสู่การบันทึกสถิติ Guinness book world records ซึ่งเป็นหนังสือที่บันทึกสถิติต่างๆ ของโลก โดยสถิติการพับช้างในครั้งนี้นั้น อยู่ที่ 9,010 ตัว

แล้วต่อไปนี้คือการสรุปโดยรวมของเหตุการณ์ครั้งนี้ หากคุณยังไม่ได้อ่าน เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมถ่ายเอาไว้ ผมแนะนำว่าอยากให้เอาเข้าไปอ่านก่อน ก่อนที่คุณจะมาอ่านสรุปนี้ต่อ

ข้อดี/ผลประโยชน์ : จังหวัดสุรินทร์ได้รับบันทึกสถิติใหม่ของโลก ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้จังหวัดสุรินทร์อาจจะได้รับความโดดเด่นจากความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดตนเอง

ข้อเสีย/ผลเสีย : จังหวัดสุรินทร์โดนดราม่าหนักถึงการใส่ใจเรื่องผู้เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของจังหวัด เนื่องจากสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าเอกลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรกับกิจกรรมนี้ เพียงเพราะพวกเขามีสถานะเป็นชาวสุรินทร์

สิ่งที่ต้องเสียไป:

  • เงินจำนวนหนึ่งสำหรับซื้อผ้ามาพับช้าง โดยที่ฝั่งนักเรียนต้องออกเอง
  • เวลา
  • ความเสี่ยงในต่างๆ ด้านสุขภาพ

ผลประโยชน์ที่นักเรียนได้รับโดยตรง:

  • เกียรติบัตร
  • สิทธิในการอ้างอิงว่า เรานั้นได้เข้าร่วมกับกิจกรรมระดับโลก
  • คะแนนเข้าร่วมกิจกรรมบางส่วนสำหรับบางวิชา
  • ขนมและของกินนิดหน่อยระหว่างกิจกรรม

ต่อไปนี้จะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมแล้วนะครับ ซึ่งสิ่งที่ผมจะกล่าวมานั้น เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์ของผมเฉยๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว มันทำให้ผมได้วิเคราะห์ความน่าจะเป็นได้เอาไว้ว่า

พวกเขาอาจจะไม่สนดราม่า ไม่สนจริยธรรม สนใจเพียงแค่ผลประโยชน์ ในตอนนี้ผมคิดเอาไว้ว่า จังหวัดสุรินทร์ถูกปกครองด้วยระบบอำนาจนิยม เนื่องจากผมคิดว่า ก่อนที่จะจัดกิจกรรมนี้ ต้องมีการจัดประชุมอะไรสักอย่างก่อน ซึ่งผมคิดว่าในที่ประชุมนั้น ก็จะต้องมีคนนำเสนอว่า “จะให้เด็กมานั่งตากแดดกลางแดดเหรอ” ขึ้น คำตอบผมก็คิดว่าใช่ เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันมีน้ำหนักมากพอให้ผมตัดสินใจว่ามันใช่ ถ้าสิ่งที่ผมคิดเมื่อกี้เป็นความจริง จะเห็นได้ว่าอำนาจนั้น ได้ทำลายจริยธรรมไปแล้ว ซึ่งถ้าเรามองลึกลงไปแล้ว พวกเขาใส่ใจพวกเราน้อยเกินไป พวกเราได้ผลประโยชน์น้อยเกินไปซึ่งมันไม่คุ้มเลย

เหตุผลที่ผมคิดได้นั่นคือ พวกเขาอาจจะสนใจพวกเรา แต่แค่ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้น มันมีค่าสูงมากกว่าพวกเราเสียอีก ที่พวกเขาจะตัดสินใจให้พวกเรามาที่นี่ ผมเชื่อว่าพวกเขาต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง “สถิติโลก” และ “จริยธรรม” ซึ่งผมคิดว่า ผมไม่จำเป็นต้องบอกหรอก เพราะพวกเขาตัดสินใจเลือกอะไร ทั้งนี้คนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆ คงจะเป็นเหล่าผู้บริหารสูงๆ ของจังหวัดสุรินทร์ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ระหว่างชื่อเสียงให้ผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ หรือว่าต้องการเพียงเพราะบันทึกสถิติเพียงเท่านั้น ช่างเป็นการตัดสินใจที่ช่างน่าสงสัยจริงๆ

ทั้งหมดนี้ ผมไม่อยากให้โทษภาพรวมของจังหวัดสุรินทร์นะครับ ผมก็อยากจะให้จังหวัดสุรินทร์ ที่เป็นบ้านเกิดของผม เป็นจังหวัดที่เป็นที่รักของใครหลายๆ คนอยู่ แต่การกระทำของคนบางกลุ่มนั้น มันทำให้ชื่อเสียงของจังหวัดของผมนั้น เสื่อมเสียไปจริงๆ จนตอนนี้พวกเราก็ยังต้องการการชี้แจงนะครับ”..