สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองบรูมฟิลด์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่า นายไค คลอปเฟอร์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของ ไบโอไฟร์ เทค กล่าวว่า บริษัททดสอบซอฟต์แวร์กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ส่วนความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั้น เกี่ยวข้องกับปืนกลที่ทำจากชิ้นส่วนก่อนการผลิต และชิ้นส่วนต้นแบบ ซึ่งในระหว่างการสาธิต ปืนสามารถใช้ยิงได้ตามปกติ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่ทำงานได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ ปืนของ ไบโอไฟร์ เทค ยังสามารถใช้งานได้ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของปืนอัจฉริยะหลายรุ่น ที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงกรณีเด็กยิงปืนโดยไม่ได้ตั้งใจ, ลดการฆ่าตัวตาย, ปกป้องตำรวจจากการแย่งปืน หรือทำให้ปืนที่สูญหายและถูกขโมย ไม่สามารถใช้งานได้

ไบโอไฟร์ เทค กล่าวว่า ปืนพกขนาด 9 มม. รุ่นแรกที่พร้อมจำหน่ายให้ผู้บริโภค สามารถจัดส่งให้กับลูกค้าซึ่งสั่งซื้อล่วงหน้า ได้เร็วที่สุดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนปืนพกรุ่นมาตรฐานราคา 1,499 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 51,700 บาท) อาจวางจำหน่ายภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567

ในการสาธิตที่สำนักงานใหญ่ของ ไบโอไฟร์ เทค ในเมืองบรูมฟิลด์ รัฐโคโลราโด คลอปเฟอร์ยิงปืนโดยไม่มีปัญหาใดๆ และวางปืนลง ก่อนที่ผู้ชายอีกคนหนึ่งจะพยายามใช้ปืนกระบอกดังกล่าว แต่ไม่สามารถลั่นไกได้ เนื่องจากตัวปืนไม่มีบันทึกข้อมูลใบหน้า หรือลายนิ้วมือของเขา ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยที่บริษัทกำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม ผู้ชื่นชอบอาวุธปืนหลายคนตั้งข้อสงสัยต่อเทคโนโลยีปืนอัจฉริยะ ซึ่งพวกเขาต่างกังวลว่า เทคโนโลยีดังกล่าวอาจไม่สามารถใช้ได้ทันการ เมื่อจำเป็นต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัวในสถานการณ์ที่ฉุกละหุก.

เครดิตภาพ : REUTERS