เมื่อวันที่ 8 ต.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุจรวดโจมตีจากฉนวนกาซาไปยังหลายพื้นที่ในอิสราเอล ซึ่งจากรายงานของนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ที่กรุงเทลอาวีฟ พบว่า มีพี่น้องแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย ถูกจับเป็นตัวประกันไว้จำนวน 11 ราย และยังมีพี่น้องแรงงานชาวไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อีกจำนวนหนึ่ง รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้สำนักงานแรงงานจังหวัด และหน่วยงานในกำกับกระทรวงแรงงาน ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอล ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารสร้างขวัญกำลังใจ พร้อมชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายให้แก่ญาติแรงงานได้รับทราบ นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้จัดตั้ง “ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์สู้รบในอิสราเอล” ขึ้น เพื่อรับข้อมูลและประสานข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายคารม กล่าวว่า ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอล รวมทั้งสิ้นประมาณ 29,900 คน โดยเป็นแรงงานที่อยู่อาศัยบริเวณเมือง Netivot, Sderot, Ashkelo และพื้นที่ใกล้เคียง ประมาณ 5,000 คน อย่างไรก็ตาม ขอให้ญาติพี่น้องแรงงานไทยมั่นใจว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดูแลแรงงานไทยให้ดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด พร้อมกับแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อจะได้วางแผนในการให้ความช่วยเหลือต่อไป 

“สำหรับครอบครัวของพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ยังไม่สามารถติดต่อญาติพี่น้อง ณ ประเทศอิสราเอลได้ในเวลานี้ สามารถติดต่อประสานงานขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 และ 0-2245-6710-11 โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับแรงงานในอิสราเอลติดต่อได้ที่เบอร์ (+972) 5 4636 8150 กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ หมายเลข 0-2575-1047-51 ฝ่ายแรงงานไทย ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โทร : +972 544693476 What app ID : 0544693476 Line ID : 0544693476 (ตลอด 24 ชั่วโมง)” นายคารม กล่าว.