เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยความคืบหน้า ในคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนนักศึกษาอุเทนถวายและครูเจี๊ยบ ครูโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์เสียชีวิตว่า ผู้ที่ถูกจับกุมจะให้ความร่วมมือให้ข้อมูลหรือไม่นั้น ทางตำรวจก็มีการข่าวอยู่แล้ว และไม่แปลกใจ ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากสมุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นเจอใน safe house นั้นได้เขียนสอนรุ่นน้องไว้ว่าถ้าตำรวจสอบให้บอก “ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ” และไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ

แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญชุดสืบสวนที่เคยจับกุมกลุ่มที่ก่อเหตุในลักษณะนี้มาเป็นทีมงานและหาข้อมูลเบื้องต้น ดังนั้นการเปิดปฏิบัติการจึงมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกลับเป็นจำเลยของกลุ่มคนเหล่านี้ ที่มักจะเอาทนายมาดำเนินคดีกับชุดทำงาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังค้นพบสมุดบัญชี ที่มีเงินกองทุนพอสมควร ซึ่งมาจากการเรี่ยไรเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการกองทุน เช่น ซื้อปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ และผู้ที่ให้การสนับสนุนในการก่อคดีนี้จะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย

แก๊งยิง ‘น้องหยอด-ครูเจี๊ยบ’ ติดรูปรุ่นพี่ถูกอริยิงดับในเซฟเฮาส์ ปลุกความฮึกเหิม

นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีพฤติการณ์ปกปิดหัวหน้าทีมที่ทำหน้าที่สำคัญ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่ามีหน้าที่อะไร เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการสืบหาตัวหลักรายนี้ให้ได้ แต่บอกได้ว่าผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมมาเมื่อวานนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารครูเจี๊ยบและน้องหยอดทุกคน และกลุ่มนี้มั่นใจว่าก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถเข้าถึง safe house ของพวกเขาได้ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบมอเตอร์ไซค์ทุกคันที่อยู่ในความครอบครองของกลุ่มดังกล่าวว่ามีความเกี่ยวข้องกับการนำไปก่ออาชญากรรมอย่างไร ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนก่อน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลัง

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการที่คนไม่ใช่ศิษย์เก่าเข้ามาชักชวนกลุ่มนักศึกษาเข้าองค์กรนั้น เป็นวัฒนธรรมที่มีมากว่า 30 ปีแล้ว แต่มาผิดเพี้ยนถึงขั้นเรียกได้ว่าป่วย ซึ่งวันนี้ก็ได้รับคำขอบคุณจากรุ่นใหญ่ในสถาบันที่ได้เชิญมาเป็นที่ปรึกษา ที่ทางตำรวจได้ดำเนินการอย่างจริงจัง และแยกกลุ่มผู้ก่อเหตุออกจากสถาบันที่พวกเขารัก ทั้งยังเพิ่งได้ยินคำศัพท์ว่าผู้ที่ก่อเหตุส่วนมากเป็น “ผี” ซึ่งเป็นคำศัพท์จากคนวงใน ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ดีและรักสถาบันจริงๆ ของทั้งสองสถาบันที่ให้ความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านทางเพจสืบนครบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมีความเข้มแข็งและทำงานเชิงรุก มีการปราบปรามอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะทำให้การก่อเหตุเช่นนี้ลดลง.