เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่ True space สยามสแควร์  มีการเสวนาวิชาการ “กับดักรัฐธรรมนูญ กับการพัฒนาประชาธิปไตย” โดยมีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางกฎหมาย และประธานหลักสูตรนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย โดยมี น.ส.วทันยา บุนนาค อดีต สส.บัญชีรายชื่อ  เป็นผู้ดำเนินรายการ

โดยนายปริญญา กล่าวถึงปัญหาในรัฐธรรมนูญ ว่า หากจำเป็นจะต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องหาวิธีการอย่างไร เพื่อทำให้เป็นฉบับสุดท้าย แต่เห็นว่า เป็นไปได้ยากเพราะจะต้องให้สังคมเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหญ่ ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ก็มีการใช้กลไกนอกรัฐธรรมนูญ หรือการรัฐประหาร มาแก้ปัญหาทางการเมือง จนขณะนี้ ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60  ในมาตรา 256 ยังทำได้ยากเพราะจะต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 และกลไกอื่น ๆ อีก ดังนั้น จึงเห็นว่า เมื่อ สว.ชุดนี้ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญจะหมดวาระ โอกาสที่ สว.ชุดใหม่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ จะทำให้หน้าต่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดขึ้น และทำให้คนไทยได้มาตกลงกติกาใหม่กันอีกครั้ง

นายปริญญา กล่าวว่า ในส่วนของการออกแบบรัฐธรรมนูญ เพื่อหยุดยั้งรัฐประหาร และทำให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายนั้น  ควรออกแบบรัฐธรรมนูญจะต้องให้ประชาชนเจ้าของประเทศออกแบบ และให้สมดุลระหว่างประชาชน และนักวิชาการ แม้จะเห็นต่างกันในสังคม แต่สังคมก็จะต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาการเมืองใด ๆ จะต้องแก้กันตามระบบ เพราะไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาทางการเมืองใด ๆ ก็จะต้องกลับมาใช้วิธีการรัฐประหาร และทางการเมือง รัฐธรรมนูญถือเป็นกติการ่วมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทุกฝ่ายต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จบที่การเลือกตั้ง และรัฐบาลต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ ผ่านกลไกการถ่วงดุลอำนาจ และการรัฐประหารในประเทศไทย จะไม่สามารถสำเร็จหากประชาชนไม่ยินยอม พรรคการเมืองไม่ตกต่ำ หรือเสียความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาการรัฐประหารเกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเสื่อมความนิยม และเสียความชอบธรรม โดยเฉพาะการรัฐประหาร ปี 2557 

“สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลที่พยายามดำเนินการ หากพยายามทำแล้วแต่ทำไม่ได้ ก็ต้องชี้แจงต่อสังคมว่า ไม่สามารถทำได้ ไม่ใช่อ้างว่า หาเสียงเอาไว้ จนนโยบายอื่น ๆ ที่สามารถทำได้ แต่ไม่ถูกดำเนินการ” นายปริญญา  กล่าว

นายปริญญา กล่าวถึงระบบการเลือกตั้ง โดยเสนอว่า ระบบเลือกตั้งบัญชีรายชื่อแบบแบ่งเขต บัตรใบเดียว เพื่อสะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน เหมือนประเทศเดนมาร์ก และสวีเดน รวมถึงมีบัญชีรายชื่อเขตประเทศ มาเติมจำนวน สส.บัญชีรายชื่อแบบแบ่งเขต ในกรณีที่ยังไม่ครบจำนวน แก้ปัญหาผู้อาวุโสในพรรคว่า จะลงเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ หรือแบบแบ่งเขต

ด้านนายเจษฎ์ ในฐานะอดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงปัญหารัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า ไม่อาจโทษนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ.ได้ทั้งหมด และประเทศไทย ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพราะชนชั้นใดตรากฎหมาย ก็เพื่อประโยชน์ชนชั้นนั้น ซึ่งกลไกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการเมืองปัจจุบัน โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ ก็เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด รวมถึงการออกฤทธิ์เดชของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันด้วย พร้อมมั่นใจว่า แม้ สว.ชุดปัจจุบันจะไม่มีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ก็จะยังคงเป็นรัฐบาล เพราะพรรคก้าวไกล แม้จะชนะการเลือกตั้ง แต่เสียง สส.ของพรรคก้าวไกล ไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งที่จะตั้งรัฐบาลได้ และในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทหาร และนักการเมือง ก็จับมือกันทางการเมือง ดังนั้น หากต้องการจะให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ก็จะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม และกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่ว่าจะต้องยุบพรรคก้าวไกล หรือนายทักษิณ จะต้องเข้าคุก ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด 

ส่วนการออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้มีการรัฐหารนั้น  นายเจษฎ์ กล่าวว่า  ไม่สามารถเขียนรัฐธรรมนูญให้ไม่มีรัฐประหารได้ แต่ต้องขึ้นกับประชาชน ที่จะต้องทำให้นักการเมืองเกรงใจ มีโครงสร้างสังคม และโครงสร้างประชาธิปไตยที่ลงตัว จึงจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามในอดีตหากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมลาออก หรือมวลชนที่มาชุมนุมยอมกลับบ้าน เงื่อนไขการรัฐประหารก็ไม่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นแต่จะต้องมีภาวการณ์กลไกเดินไปสู่อนาคตร่วมกัน ไม่คิดเพียงว่า ตัวอักษรในกฎหมายจะใช้บังคับได้เพียงอย่างเดียว หากยังมีการละเมิดกฎหมายและบ่อยครั้งที่ประชาชนถามหาทหาร เพราะประชาชนรู้สึกอุ่นใจว่า มีทหารช่วยเหลือในยามประสบภัย ไล่จับโจรได้ ช่วยรักษาความสงบในพื้นที่ชายแดนใต้ มากกว่านักการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเสวนาเสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมรับฟังการเสวนา ยังได้ร่วมกัน Work Shop “ออกแบบรัฐธรรมนูญ สู่อนาคตที่ดีกว่า” ทั้งในกลไกองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ  ระบบการเลือกตั้ง  ระบบสภา การปกครองท้องถิ่น และการปฏิรูปประเทศ เพื่อร่วมกันออกแบบสถาบันการเมือง ทั้งที่มา อำนาจ และการถอดถอน เป็นต้น.