เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เวลา 11.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยตัวแทนกองทัพธรรมและศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อยื่นหนังสือถึงนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมเร่งดำเนินการเรื่องพื้นที่ทับซ้อนให้ชัดเจน รวมถึงต้องรักษาเกาะกูดที่เป็นดินแดนและทรัพยากรของประเทศไทยเอาไว้ แต่ปรากฏว่าเมื่อขบวนผู้ชุมนุมมาถึงสี่แยกสะพานช้างโรงสี ฝั่งถนนบำรุงเมือง ผู้กำกับ สน.พระราชวัง ได้แจ้งกับผู้ชุมนุมดังกล่าวว่าหากผู้ชุมนุมข้ามสะพานช้างโรงสีไปยังบริเวณกระทรวงกลาโหม ถือว่าอยู่ในพื้นที่ควบคุมระยะ 150 เมตร อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามมีการชุมนุม ขณะที่แกนนำกลุ่มฯ แจ้งว่าจะตั้งขบวนรออยู่แค่สี่แยกสะพานช้างโรงสี เพื่อรอยื่นหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม

โดยนายพิชิต กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า การที่นายสุทินในฐานะ รมว.กลาโหมและดูแลเหล่าทัพ พูดว่าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นพื้นที่ทับซ้อน เหมือนเป็นการยอมรับว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นของประเทศกัมพูชา ทั้งที่การลากเส้นเขตแดนทางทะเล (เส้นเขตไหล่ทวีป) เป็นการทำโดยกัมพูชาฝ่ายเดียวแล้วมาทับดินแดนของไทย แล้วเราจะไปยอมรับได้อย่างไร ดังนั้น ฝ่ายการเมืองต้องมาร่วมมือกับประชาชนในการคัดค้านเรื่องนี้ และรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชาให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เราจึงต้องมาสอบถามนายสุทินที่เป็น รมว.กลาโหม ว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์หรือเรื่องของประเทศ

ต่อมาเวลาประมาณ 12.15 น. กระทรวงกลาโหมได้ส่งตัวแทนมารับหนังสือจากแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่สะพานช้างโรงสี