เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุทิน  คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าการให้สิทธิในการเช่าที่ดินราชพัสดุใน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ไม่ใช่การให้กรรมสิทธิ์ ทำให้ประชาชนไม่มีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน ว่า การลงพื้นที่ของฝ่ายค้านนั้น เราขอบคุณที่เขาสนใจปัญหาชาวบ้าน และอยากให้เขาไปทำงานร่วมกับเรา อะไรที่คิดว่าเราทำบกพร่องก็สามารถติติงได้ แต่การที่เขาไปลงพื้นที่ อ.หนองวัวซอและให้ความรู้กับชาวบ้านด้วยนั้น ตนมองว่าเป็นความรู้ที่ไม่ถูกต้อง และสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ให้ชาวบ้าน เพราะการที่นายพิธาบอกว่าการให้ประชาชนเช่าสัญญา 3 ปีไม่ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ และทำอะไรไม่ได้นั้น เป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากที่จริงแล้ว ที่ดินส่วนไหนเป็นของประชาชน ก็ต้องให้กรรมสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นที่ดินของรัฐ ก็ให้กรรมสิทธิ์แก่ประชาชนไม่ได้ อาทิ ที่ดินของราชพัสดุ เราไปออก น.ส.3 ให้ชาวบ้านไม่ได้ ยกเว้นเราไปแก้กฎหมาย แต่ถ้าเป็นที่ในขอบข่ายงานของ ส.ป.ก. ที่ว่างเปล่า สามารถจัดให้ชาวบ้านได้ว่ากันไปตามกฎหมาย

“อย่างหนองวัวซอ เราได้เปิดพิสูจน์สิทธิ ไม่ใช่ให้ชาวบ้านเช่าทั้งหมด อันไหนของชาวบ้านผ่านการพิสูจน์สิทธิ ก็ออกให้เลย แต่ถ้าอันไหนเป็นของราชพัสดุ เราให้เช่า เราไม่ได้บอกว่า 3 ปีแล้วเลิก แต่ระยะเวลาแรก 3 ปีเมื่อหมดสัญญาก็สามารถขอต่อได้ เพื่อจะได้ฝึกให้ชาวบ้านมีวินัยและดูว่าเอาไปใช้ถูกต้องในทางที่ถูกกฎหมาย ก็ต่อสัญญาให้ ที่ผ่านมา รัฐบาลยังไม่เคยยกเลิกสัญญา เมื่อชาวบ้านขอ เราก็ต่อให้ทุกราย” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ข้อสำคัญที่สุดคือมันไม่ใช่กรรมสิทธิ์จริง เราไม่เคยบอกว่าเอาที่ดินราชพัสดุหรือที่ดินของทหารไปให้เป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชน เพราะเราต้องรักษาทรัพย์สินของประเทศไว้ด้วย อะไรที่รัฐบาลทำดีแล้วเป็นประโยชน์ ฝ่ายค้านชมบ้างก็ได้ หรือถ้าไม่ชม แต่อยากจะให้ความรู้จริงๆ ก็ขอให้นำข้อมูลที่ถูกต้องไปสร้างค่านิยมแก่ประชาชน แต่ถ้าไปบอกให้ประชาชนลุกขึ้นมาเอาที่ดินของรัฐทั้งหมดหรือที่ดินของรัฐที่ไหนให้เป็นของชาวบ้านทั้งหมดนั้น มันอันตราย ดังนั้น การให้เช่าที่ดินมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือเราให้ชาวบ้านทำถูกต้องตามกฎหมาย

“วันนี้ชาวบ้านที่หนองวัวซอหรือชาวบ้านที่เช่าที่ของรัฐต่อไปไม่มีใครสามารถไปชี้หน้าชาวบ้านได้ว่าบุกรุก และไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ใครจะไปขับไล่ชาวบ้านก็ไม่ได้ ถ้ามีสัญญาเช่า ก็ถือว่าทำกินถูกต้อง ถูกกฎหมาย 3 ปี เราก็ต่อให้ ก่อนหน้านี้ชาวบ้านอยู่แบบไม่ถูกกฎหมาย การเช่าก็ให้เช่าไปเรื่อยๆ ระยะแรกจาก 3 ปี ระยะที่ 2 อาจให้เช่า 10 ปี ระยะที่ 3 อาจจะเป็น 20 ปี โดยสัญญาเช่าสามารถตกทอดถึงมรดกได้ และสัญญาเช่าสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ในการกู้เงินได้กับธนาคารของรัฐ สมมุติจากเดิมที่ของรัฐไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ต่อจากนี้ เราสามารถให้ประชาชนทำกินอย่างถูกกฎหมาย” นายสุทิน กล่าว