สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ว่า รัฐบาลเฮติออกแถลงการณ์ เรื่องการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เป็นเวลาอย่างน้อย 72 ชั่วโมง ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อควบคุมสถานการณ์รุนแรงในประเทศ จากการลุกฮือของแก๊งอาชญากรรม ซึ่งก่อเหตุบุกเรือนจำสองแห่งในประเทศ ส่งผลให้นักโทษประมาณ 3,700 คน ยังคงหลบหนี และมีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงแล้ว 12 ราย


อนึ่ง วิกฤติการณ์ในเฮติทวีความรุนแรงขึ้นอีกระดับ นับตั้งแต่เกิดการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส เมื่อปี 2564 ซึ่งหลังจากนั้น ทุกฝ่ายในเฮติยังไม่สามารถเฟ้นหาบุคคลดำรงตำแหน่งแทนได้ จากการที่สถานการณ์การเมืองในเฮติขาดเสถียรภาพอย่างหนักอยู่แล้ว โดยไม่เคยมีการจัดการเลือกตั้งไม่ว่าในระดับใดก็ตาม ตั้งแต่ปี 2559

นายอาเรียล อ็องรี นายกรัฐมนตรีเฮติ ที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2567


ทั้งนี้ บรรดาแก๊งอาชญากรรมซึ่งตอนนี้ควบคุมพื้นที่ 80% ของกรุงปอร์โตแปรงซ์ เรียกร้องนายอาเรียล อ็องรี นายกรัฐมนตรี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีเฮติ ให้ลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ สถานะของอ็องรียังไม่เป็นที่แน่ชัด โดยเจ้าตัวอยู่ระหว่างการเยือนเคนยาในช่วงเกิดเหตุ และไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีก หลังลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทวิภาคี กับประธานาธิบดีวิลเลียม รูโต ผู้นำเคนยา


ด้านนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวแสดงความวิตกกังวลอย่างหนักต่อสถานการณ์รุนแรงครั้งใหม่ในเฮติ และเรียกร้องความสนับสนุนเพิ่มเติมจากนานาประเทศ ต่อภารกิจตำรวจนานาชาติ


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในเฮติเช่นกัน และยืนยันว่า อ็องรีจะเดินทางกลับประเทศ โดยไม่มีการระบุรายละเอียดเพิ่มเติม.

เครดิตภาพ : AFP