เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี แถลงความคืบหน้าคดีกะเทยไทยทะเลาะวิวาทกับกะเทยฟิลิปปินส์ ที่ซอยสุขุมวิท 11/1 โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวว่า ดคีนี้เริ่มมาจากเมื่อคืนที่มีทะเลาะวิวาท เขม่นกันระหว่างสาวประเภทสอง ชาวไทย 2 คน และฟิลิปปินส์ 3 คน แต่ไม่ได้มีการลงไม้ลงมืออะไร และมีการมาเจรจาตกลงกันได้ที่ สน. หลังจากแยกย้ายกันไป ดันไปเจอกันที่ร้านซีฟู้ดแห่งหนึ่ง ปากซอยสุขุมวิทซอย 5 และมีปากเสียงกันอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไป จากนั้นครั้งที่ 3 สองฝ่ายไปเจอกันที่สุขุมวิท 11 ซึ่งขณะนั้นทางกลุ่มของสาวประเภทสองฟิลิปปินส์ มีประมาณกว่า 15 คน ส่วนของสาวประเภทสองไทย มีประมาณ 6 คน จนเกิดมีปากเสียงและทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น

เบื้องต้นมีสาวประเภทสองคนไทย บาดเจ็บ 5-6 คน และแยกย้ายกันไป ขณะที่กลุ่มผู้บาดเจ็บทั้ง 6 คน ได้มาอยู่ สน.ลุมพินี และมีกลุ่มสาวประเภทสองของไทย เข้าไปที่โรงแรมเกิดเหตุเพื่อจะเคลียร์กัน ระหว่างการรอนั้น กลุ่มสาวประเภทสองได้มีการโพสต์ชวนเพื่อนให้มาที่โรงแรมซอยสุขุมวิท 11 ด้วย ต่อมาเวลาประมาณตีสาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี จะไปเชิญตัวสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ 2 ราย ในโรงแรม จนบานปลายเกิดเหตุชุลมุน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน

ตบเดือดสุขุมวิท11! กะเทยผ่านศึก ทวงคืนศักดิ์ศรี รวมพลสู้กะเทยฟิลิปปินส์

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวต่อว่า ประสานตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบกะเทยชาวฟิลิปปินส์ว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเบื้องต้นกลุ่มกะเทยชาวฟิลิปปินส์ เข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว เข้ามาพักที่โรงแรมที่เกิดเหตุเป็นหลัก โดยเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน ดังนั้นจะให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบทั้งหมดว่าเข้ามาถูกต้องหรือไม่ อยู่อย่างถูกต้องหรือทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่

ส่วนสาเหตุเป็นการเขม่นเมื่อเจอกัน อาจเพราะเชื้อชาติที่ต่างกัน ความเห็นต่างกัน และเหตุดังกล่าว เคยมีการพยายามเจรจาเคลียร์กันไปแล้วหลายครั้งและก็แยกย้ายกันไป แต่ต่อมามีการโพสต์ลงโซเชียลอีกครั้ง ทำให้มีการรวมตัวกันขึ้นตามคลิปที่มีเหตุชุลมุน

ทั้งนี้มีการแจ้งความไว้ทั้งสองฝ่ายแล้ว และส่งผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ดังนั้นตำรวจก็จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด แต่เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาทั้ง 2 ฝ่าย และจะต้องตรวจสอบโดยเฉพาะกล้องวงจรปิด และ Body Camera ของตำรวจ เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายให้ได้มากที่สุด โดยส่วนของกลุ่มกะเทยชาวฟิลิปปินส์ ก็จะต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลให้ได้ทั้งหมดก่อน จึงจะทราบว่ามีบุคคลใดที่หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วบ้าง และหากคู่กรณีออกนอกประเทศไป ก็มีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจการทำงานของตำรวจ

รวมถึงเมื่อสอบถามมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์หรือไม่ พล.ต.ต.วิทวัส บอกว่า จะขอตรวจสอบก่อน รวมถึงจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่โรงแรมที่เกิดเหตุด้วย