เมื่อวันที่ 5 มี.ค. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงมหาดไทยได้รับลงทะเบียนประชาชนที่มีความประสงค์ขอให้ทางราชการได้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น 153,400 ราย โดยกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด อำเภอ เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่องด้วยการเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาเข้าสู่กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ ซึ่งขณะนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้แล้ว 29,366 ราย สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 19,297 ราย มูลหนี้ลดลง 778.33 ล้านบาท และมีกรณีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ประสงค์ดำเนินคดี 327 คดี โดยมีจังหวัดที่สามารถเชิญเจ้าหนี้-ลูกหนี้ เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ 5 ลำดับแรก คือ 1. จังหวัดนครสวรรค์ 2,669 ราย 2. จังหวัดสงขลา 2,615 ราย 3. จังหวัดนครราชสีมา 2,157 ราย 4. จังหวัดนครศรีธรรมราช 1,497 ราย 5. จังหวัดนราธิวาส 1,325 ราย ซึ่งเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้มาพบปะพูดคุยกัน โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นคนกลาง และหลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ติดตามผลภายหลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบประสบความสำเร็จครบทั้งกระบวนการต่อไป

“เรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั่วประเทศ ขณะนี้มีจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดนราธิวาสดำเนินการกระบวนการไกล่เกลี่ยกับผู้ที่มาลงทะเบียนครบ 100% แล้ว จึงขอให้ทุกจังหวัดที่เหลือเร่งรัดดำเนินการไกล่เกลี่ยให้ครบทุกกรณี โดยขอให้ใช้ความพยายามและต้องคำนึงถึงความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยของทุกกรณี หากไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายได้ทันที เพราะหนี้นอกระบบถือว่าผิดกฎหมาย คือ มีการปล่อยกู้โดยไม่มีใบอนุญาต อีกทั้งเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งคลินิกหรือทีมจังหวัดที่จะช่วยให้ลูกหนี้นอกระบบได้มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส พร้อมกับดูแลเจ้าหนี้นอกระบบที่มีพฤติการณ์ดี โดยบูรณาการกับคลังจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่เจ้าหนี้นอกระบบได้มาเข้าสู่การปล่อยเงินกู้ในระบบตามกฎหมาย” นายสุทธิพงษ์กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า กลไกกระทรวงมหาดไทยในระดับพื้นที่ ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ได้บูรณาการทุกภาคีเครือข่ายที่จะส่งเสริมให้ลูกหนี้นอกระบบมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” การพัฒนาทักษะอาชีพต่าง ๆ การสร้างวินัยทางการออม รวมทั้งการเป็นพี่เลี้ยงในการจัดทำบัญชีครัวเรือน เป็นต้น ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นเดินหน้าทุกกระบวนการที่จะหนุนเสริมทำให้พี่น้องประชาชนได้รับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ในทุกมิติ โดยหากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากทุกปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง สามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หรือจะเดินทางไปขอรับคำปรึกษา ขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และประสานการปฏิบัติ บูรณาการทุกหน่วยงานเข้าให้ความช่วยเหลือในทุกเรื่อง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป