หน้าปกฉบับต่อไปของนิตยสารไทม์ ซึ่งวางแผงสำหรับสัปดาห์วันที่ 25 มี.ค. 2567 มีบุคคลขึ้นปกคือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย พร้อมคำโปรยว่า “เดอะ เซลส์แมน” และการเปิดกว้างเพื่อการลงทุน


ทั้งนี้ ไทม์กล่าวว่า การขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ยังคงเป็นที่ถกเถียง จากการเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับเลือกตั้งมากที่สุดเป็นอันดับสอง จากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และแม้ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ แต่ต้องอาศัยคะแนนเสียงจากวุฒิสมาชิก ซึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล


ในส่วนของนโยบายต่างประเทศ นายเศรษฐายืนยัน “ความเป็นกลาง” ของไทย ในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และปกป้องการตัดสินใจของตัวเอง ที่เชิญประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างการพบกันที่จีน เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา นายเศรษฐายืนยันว่า ไทยไม่เลือกข้าง ไม่สนับสนุนความรุนแรง และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไทยเชื่อมั่นในความร่วมมือระดับพหุภาคีเพื่อสร้างสันติภาพ และความรุ่งเรืองร่วมกัน


ด้านวิกฤติการณ์ในเมียนมา นายเศรษฐากล่าวว่า ไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับเมียนมาเป็นระยะทางยาวที่สุด จะเป็นหัวหอกในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า สันติภาพที่กลับคืนสู่เมียนมา จะเป็นผลดีกับสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ทั้ง 10 ประเทศ และกล่าวด้วยว่า สมาชิกอาเซียนทั้งหมด เห็นพ้องให้ไทยเป็นผู้นำแก้ไขปัญหาเมียนมา


เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายเศรษฐากล่าวว่า กฎหมายทั้งหมดของไทยได้รับความเคารพ และมีการบังคับใช้อย่างเท่าเทียม อำนาจในการพิจารณาและตัดสินบทลงโทษผู้กระทำผิดมาตรา 112 เป็นกระบวนการของฝ่ายตุลาการ ที่ฝ่ายบริหารไม่ควรไปก้าวก่าย อย่างไรก็ตาม ไทม์ระบุในบทสัมภาษณ์ ว่านายเศรษฐาเป็นผู้ที่มีจุดยืนปกป้องกฎหมายนี้


ทั้งนี้ นายเศรษฐายืนยัน “การเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวของไทย” ตลอดระยะเวลา 4 ปีนี้ และแสดงความชื่นชม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่มีความสามารถ และเชื่อว่า สักวันหนึ่ง น.ส.แพทองธาร จะลงแข่งขันตามกระบวนการ เพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES