ญี่ปุ่นเกิดกระแสการแอบป้ายน้ำลายหรือทำให้อาหารปนเปื้อนในร้านจำหน่ายซูชิบนสายพานสาขาต่าง ๆ จนเปิดแฮชแท็กในโลกออนไลน์ว่า ‘sushitero’ และ ‘sushiterrorism’ สร้างผลกระทบต่อรายได้ของร้านค้าประเภทนี้อย่างมาก

ชาวญี่ปุ่นหลายคนที่เล่นตามเทรนด์พิเรนทร์นี้จะเตรียมการอย่างดี เพื่อบันทึกภาพขณะลงมือแล้วนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย พฤติกรรมสร้างความเสียหายให้อาหารนั้นมีตั้งแต่จงใจสัมผัสอาหาร เลียจานใส่อาหาร หรือเลียน้ำจิ้มซึ่งเคลื่อนมาตามสายพานที่วิ่งวนรอบร้านไปยังโต๊ะต่าง ๆ ของลูกค้า

ร้านคุระซูชิ ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านซูชิสายพานที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก และเป็นเจ้าทุกข์ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยกลุ่มล่าสุด กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสามเจตนาก่อกวนและไม่ประสงค์ดีในร้านสาขานาโงยา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา

ร้านคุระซูชิ ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า ทางร้านหวังว่าการจับกุมในครั้งนี้จะทำให้สาธารณชนตระหนักว่า การกระทำที่บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือที่ลูกค้ามีต่อทางร้านคือ “อาชญากรรม” ขณะเดียวกัน ทางร้านก็จะพยายามปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการก่อกวนในลักษณะดังกล่าว เพื่อให้ลูกค้ารับประทานอาหารของร้านอย่างปลอดภัยและสบายใจ

ตามรายงานของสำนักข่าวเอ็นเอชเค ตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมชายอายุ 21 ปี และวัยรุ่นอีก 2 คนในฐานะผู้ต้องสังสัยว่าก่อกวนการดำเนินธุรกิจของทางร้าน โดยพบว่า ชายวัย 21 ปี ใช้ปากแตะบริเวณปากขวดซอสโชยุ ตรงช่องที่น้ำจิ้มจะไหลออกมา

นอกเหนือจากร้านคุระซูชิ ร้านซูชิสายพานอีกสองเจ้าดังคือ ร้านซูชิโร และ ร้านฮามะซูชิ ก็ประสบเหตุการณ์ก่อกวนในทำนองเดียวกันและได้แจ้งความไปก่อนหน้านี้แล้ว

ปัญหาการก่อกวนและสร้างความเสียหายต่ออาหารในร้านซูชิสายพานนี้มีมานานร่วมสิบปี แต่ขณะนี้กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะหลังจากที่เกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ทำให้คนส่วนใหญ่กังวลเรื่องความสะอาดมากขึ้น จนถึงกับมีการตั้งคำถามบนโซเชียลมีเดียว่า อนาคตของร้านซูชิสายพานจะไปรอดหรือไม่รอด ในเมื่อประชาชนเรียกร้องให้มีมาตรการรักษาความสะอาดที่รัดกุมยิ่งขึ้น

ร้านซูชิสายพานเหล่านี้จึงต้องปรับตัวหลายประการเพื่อทำตามการเรียกร้องของลูกค้า เช่น ร้านซูชิโร จะงดการเสิร์ฟอาหารที่ไม่มีคนสั่งบนสายพาน ขณะที่ร้านคุระซูชิวางแผนจะใช้ระบบกล้องเอไอเพื่อจับตาดูลูกค้าที่มีพฤติกรรมก่อกวน

แหล่งข่าว : edition.cnn.com

เครดิตภาพ : Pixabay / Jumi Kang