เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2566 ศาลประจำเขตอึยจ็องบู จังหวัดคย็องกี ประเทศเกาหลีใต้ ประกาศคำตัดสินให้จำคุกผู้ต้องหาหญิงวัย 35 ปี เป็นเวลา 6 เดือน จากความผิดที่เธอซ่อนศพของลูกสาววัย 15 เดือน ไว้ในกล่องพลาสติกที่ใช้สำหรับเก็บผักกิมจิ เป็นเวลานานถึง 2 ปีเศษ

นอกจากโทษจำคุกแล้ว ศาลยังสั่งห้ามผู้ต้องหาหญิงรายนี้ เข้าทำงานในองค์กรหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเด็กเป็นเวลา 5 ปี หลังจากที่เธอรับโทษจนครบและได้รับการปล่อยตัว รวมถึงกำหนดว่า เธอจะต้องมารับการอบรมหลักสูตรด้านการป้องกันการทำร้ายและล่วงละเมิดเด็ก เป็นเวลา 80 ชม.

ข้อมูลจากการประกาศคำตัดสินของศาลระบุว่า แม่รายนี้ไม่เคยพาลูกสาวไปตรวจสุขภาพหรือรับวัคซีนที่จำเป็นสำหรับเด็ก แม้ว่าลูกของเธอจะมีอาการที่บ่งบอกว่ามีปัญหาสุขภาพ นอกจากนี้ยังออกจากบ้านเป็นเวลานาน ๆ บ่อยครั้ง โดยปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพัง ซึ่งมีส่วนทำให้เด็กหญิงเสียชีวิตในที่สุด

แม่ผู้ซ่อนศพลูกในกล่องใส่กิมจิ ขณะโดนนักข่าวรุมล้อม

ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังนำศพของลูกสาวไปซ่อนในกล่องบรรจุผักดอง โดยที่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดหรือเสียใจเลยแม้แต่น้อย

ด้านอดีตสามีวัย 30 ปีของเธอ ก็ได้รับการตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 4 เดือน ในฐานะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

อย่างไรก็ตาม คำตัดสินครั้งนี้นับว่าเป็นโทษสถานเบา เมื่อเทียบกับข้อเสนอของทีมอัยการที่ต้องการให้จำคุกผู้เป็นแม่ 13 ปี และ 5 ปี สำหรับอดีตสามี

คนทั้งสองโดนจับกุมในเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว หลังจากที่ตำรวจเริ่มสืบสวนหาร่องรอยของเด็กหญิงที่หายตัวไปราว 2 เดือน

เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นของเมืองโพชอน จังหวัดคย็องกี เริ่มติดตามสวัสดิภาพของเด็ก ๆ ที่มีอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เนื่องจากมีกรณีการทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดเด็ก ตลอดจนฆาตกรรมเด็กเล็ก เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงที่เด็ก ๆ ต้องโดนกักตัวอยู่ในบ้านระหว่างโรคโควิด-19 ระบาด

เจ้าหน้าที่ทางการเมืองโพชอนพบว่า ลูกสาวของผู้ต้องหา ไม่เคยได้รับการตรวจสุขภาพเป็นเวลานานร่วมปี และสงสัยว่ามีเงื่อนงำไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จากการที่ผู้เป็นแม่ไม่ยอมให้ความร่วมมือและไม่ติดต่อกลับไปยังเจ้าหน้าที่ ครั้นเมื่อทางการติดต่อเธอได้ เธอก็อ้างว่าส่งลูกสาวไปอยู่กับญาติที่อื่น 

หลังจากที่แม่เด็กไม่ยอมพาเด็กมาพบเจ้าหน้าที่ ทางการท้องถิ่นจึงตัดสินใจได้แจ้งความกรณีเด็กหายต่อตำรวจ และในที่สุดตำรวจก็ค้นจนเจอศพของเด็กหญิงวัย 15 เดือน ในกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ที่มักใช้สำหรับเก็บผักกิมจิ ที่ถูกซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทางอีกที นอกจากนี้ยังมีการนำกระเป๋าเดินทางใบนั้นไปทิ้งไว้บนดาดฟ้าของอาคารอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเขตซอแดมุน กรุงโซล ซึ่งเป็นสถานที่ที่พ่อแม่ของอดีตสามีของเธอพักอาศัยอยู่

จากการตรวจสอบ สันนิษฐานว่า เด็กหญิงเสียชีวิตตั้งแต่เดือน ม.ค. 2563 เนื่องจากไม่ได้รับการดูแลใส่ใจจากผู้เป็นแม่ ซึ่งมีรายงานว่า มักจะทิ้งลูกไว้ที่บ้านตามลำพังครั้งละนาน ๆ ขณะที่เธอออกไปเยี่ยมสามีของเธอ ที่กำลังต้องโทษอยู่ในเรือนจำระหว่างนั้น

ทีมอัยการประมาณการว่า แม่เด็กทิ้งลูกไว้ที่บ้านเพียงคนเดียวไม่ต่ำกว่า 70 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2562 เป็นต้นมา เพื่อเดินทางไปหาสามีที่เรือนจำซึ่งอยู่ห่างออกไปโดยใช้เวลาเดินทางราว 5 ชม. 

เด็กหญิงยังได้รับวัคซีนที่จำเป็นสำหรับเด็กเล็กเพียง 3 เข็ม จากทั้งหมด 18 เข็ม ผู้ต้องหายังไม่เคยพาลูกสาวของเธอไปโรงพยาบาล แม้เวลาที่เด็กหญิงล้มป่วย จนกระทั่งเสียชีวิต และเมื่อสามีของเธอออกจากคุก พวกเขาก็ตัดสินใจนำศพของลูกไปซ่อนในกล่องพลาสติก

ระหว่างขึ้นให้การในศาล ผู้เป็นแม่ปฏิเสธข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก โดยอ้างว่า จู่ ๆ ลูกของเธอก็เสียชีวิตอยู่บนที่นอนในตอนเช้า 

นอกจากนี้ ทั้งพ่อและแม่ของเด็กหญิงยังรับเงินช่วยเหลือจากทางการ แม้ตอนที่เด็กหญิงเสียชีวิตไปแล้ว จึงโดนตั้งข้อหายักยอกเงินสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรจากทางการอีกด้วย 

แหล่งข่าวและเครดิตภาพ : koreajoongangdaily.joins.com