เมื่อวันที่ 15 พ.ย. เวลา 16.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่านักลงทุนรายย่อยนัดหยุดเทรด ในวันที่ 20 พ.ย. นี้ จากวิกฤติความเชื่อมั่น ว่า ยังไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการสอบถาม ทั้งนี้ ในระยะยาวรัฐบาลไม่ได้ออกมาตรการที่เป็นลบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่พยายามทำหลายๆ อย่างให้ดีขึ้น แต่จะดีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของนักลงทุน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ออกนโยบายออกมา จึงไม่ทราบว่าอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้หรือไม่

เมื่อถามถึงกรณีการขายชอร์ตเซล (Short Selling) ที่เชื่อว่าจะมีการเมืองมาแทรกแซงในตลาดหุ้นนั้น นายกฯ กล่าวว่า ก.ล.ต. ตรวจสอบแล้วไม่มี และตนอยากถามกลับว่า เขาจะให้ทำอะไร คุยกับใคร ซึ่งการที่ให้นายกิตติรัตน์ ไปหารือกับ ก.ล.ต. มีแต่สถานการณ์ดีขึ้น แต่ดีมากหรือดีน้อย ไม่ทราบ อยากจะให้ตนทำอะไร ขอให้บอก ไม่ใช่ไม่อยากทำ เพราะการพูดคุยกับนักลงทุนรายย่อยมีเป็นแสนคน จะให้ไปคุยกับใครบ้าง และภาษีจากธุรกรรมการขายก็ไม่ได้เก็บ ภาษีจากกำไรการขายหุ้นก็ไม่ได้เก็บ นโยบายการลงทุนกองทุนออมระยะยาว (LTF) ก็ออกมาให้ตามที่ต้องการ หากจะต้องการอะไรบอกมา ไม่ได้ประชด หรือว่าอารมณ์เสีย แต่อยากรู้ความต้องการ เพื่อจะได้จัดให้ และมีอะไรใหม่ที่อยากได้

“ผมไม่ได้อะไรเลยเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ ผมไม่ได้ยุ่งอะไร ไม่ได้รบกวน ไม่ได้ไปทำให้ใครมีปัญหา วันนั้นผมก็อารมณ์เสียใส่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไป เรื่องหุ้นมอร์ และหุ้นสตาร์ค ซี่งเป็นเรื่องสำคัญที่ความไว้วางใจในตลาดมีน้อย เรื่องเกิดมานานเท่าไหร่ ยังไม่จบเสียที ติดอยู่ที่ดีเอสไอ ไม่ใช่เรื่องหมูอย่างเดียว” นายกฯ กล่าว.