เมื่อเวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งเร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง) วันที่ 5 มี.ค. ที่โรงแรม The Langham Melbourne นครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พบหารือกับ Dr. Andrew Forrest AO, Executive Chairman and Founder ผู้บริหาร Fortescue ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ขนาดใหญ่ของออสเตรเลีย เป็นธุรกิจสีเขียว ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำและแบตเตอรี่อีวี มียอดขายในปี 2023 สูงที่สุด หรือเกือบ 400 ล้านบาท โดยผู้บริหาร Fortescue ได้แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ไฮโดรเจนและไฮโดรเจนสีเขียวในประเทศไทย พร้อมกล่าวชื่นชมนโยบายการผลิตพลังงานสีเขียวและเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 ของไทยด้วย 

นายกฯ กล่าวว่า ตนตั้งใจจะชวนมาลงทุนในไทย เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ในส่วนของแบตเตอรี่ และพลังงานสะอาด (Green Hydrogen) ที่ใช้ทั้งในอุตสาหกรรมอีวี และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เสริมศักยภาพด้านพลังงานสะอาด

“นายกฯ” หารือ “ผู้บริหาร Fortescue” บริษัทเหมืองแร่ขนาดใหญ่ของออสเตรเลีย 

จากนั้นเวลา 10.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งเร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง) วันที่ 5 มี.ค. ที่โรงแรม The Langham Melbourne นครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พบหารือกับ Mr. Peter Fox AM, Executive Chairman ผู้บริหาร Linfox ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์อัจฉริยะของออสเตรเลีย มีสำนักงานใหญ่ที่ Melbourne ส่วนในประเทศไทย เป็นสำนักงานและศูนย์ควบคุมสำหรับภูมิภาค มีการลงทุนมาตั้งแต่ปี 1993 จำนวน 12 แห่ง เพื่อให้บริการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกและร้านอาหารมากกว่า 4,000 ร้าน มีพนักงานในประเทศกว่า 6,000 คน และบริษัทผู้รับเหมา กว่า 3,000 แห่ง 

โดยนายกฯ กล่าวว่า บริษัทมีความตั้งใจที่จะขยายศักยภาพในการขนส่งในไทย และปัจจุบันมีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไทยมีรถบรรทุกขนส่งสินค้าต่อวันกว่า 2,000 คัน มีมาตรฐานในด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่ เพื่อลดปริมาณอุบัติเหตุบนท้องถนน มีแผนที่จะตั้งศูนย์ควบคุมการจราจรระดับภูมิภาค (regional traffic control fleet )ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาไทย พร้อมการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัท Linfox สนใจเข้าเป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าควบคุมความเย็น (cold storage facility) ที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงถึงการสร้างขึ้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทฯ ให้บริการแก่บริษัทต่างๆ ในไทย เช่น โลตัส และกลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกัน โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.