เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 15 )ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 14 ออกไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.2564 นั้น สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้ม ที่ดีขึ้นตามลำดับ การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง แต่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในทวีปยุโรปกลับมามีการระบาดอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งจากสายพันธุ์โอไมครอน ที่ติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า

ประกอบกับประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่มีการระบาดของเชื้อได้ง่าย และในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะมีการรวมตัวและการเดินทางของประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยทำให้ปัญหาการลักลอบเข้าเมือง โดยผิดกฎหมายในบริเวณพื้นที่ชายแดนรุนแรงมากขึ้น กรณีนี้จึงจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งมาตรการในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติและชีวิตประชาชน จึงขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 -31 ม.ค.65 ประกาศ ณ วันที่ 30 พ.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี.