กรณีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดีอาญา อ.1837/2564 หลบหนีออกจากห้องพิจารณาคดีที่ชั้น 9 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล ขณะที่จำเลยขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับห้องพิจารณา ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ร่วมกันทำการจับกุมตัวไว้ได้ จนกระทั่งถูกนำตัวไปคุมขังแยกที่เรือนจำกลางบางขวาง และสั่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เฝ้าจับตาสอดส่อง 24 ชม. หวั่นก่อเหตุทำร้ายตัวเองเนื่องจากความเครียดได้ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 24 ธ.ค. ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ถึงความคืบหน้าว่า เบื้องต้นในส่วนของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ในวันเกิดเหตุนั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งเจ้าหน้าที่พัศดี และผู้ช่วยผู้คุม (ผู้ต้องขังที่มีคุณสมบัติผ่านการพิจารณา) เพื่อหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่า กุญแจปลดเครื่องพันธนาการข้อเท้าของผู้ต้องขังนั้น หลุดออกจากกล่องเก็บไปได้อย่างไร หรือเป็นไปตามที่ตนตั้งข้อสันนิษฐาน ว่า ผู้ช่วยผู้คุมอาจมีความเกี่ยวข้องมากที่สุด เนื่องจากในวันที่มีการเตรียมนำตัวผู้ต้องขังออกจากเรือนจำไปยังศาล ผู้ช่วยผู้คุมรายดังกล่าวคือบุคคลเดียวที่อยู่กับนายประสิทธิ์ 

ขณะที่เจ้าหน้าที่พัศดี ได้ไปค้นตัวผู้ต้องขังอีกสองรายแทน อีกทั้งผู้ช่วยผู้คุมรายนี้มีบทบาทหน้าที่ช่วยเหลือผู้คุมมายาวนาน และนายประสิทธิ์ก็ออกศาลบ่อย อาจมีเวลาในการพูดคุยทีละสั้นๆกับบุคคลภายนอกขณะที่ถูกนำตัวขึ้นศาล แล้วก็รวบรวมข้อมูลตระเตรียมก่อนวางแผนก่อเหตุ ตนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางคณะกรรมการ ซึ่งมี ผอ.กองทัณฑวิทยาเป็นประธาน โดยจะทราบผลภายในหนึ่งสัปดาห์ ทั้งนี้ ระหว่างกระบวนการการสอบสวน เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ได้ถูกย้ายไปยังส่วนกลางของกรมราชทัณฑ์ก่อน

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องน้ำชั้น 9 ของศาลอาญา ตนต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ไปยืนคุมการเข้าห้องน้ำของนายประสิทธิ์ คือ บุคคลเดียวกับที่กระชากเสื้อของนายประสิทธิ์ที่บริเวณชั้น 6 จนขาดและได้มีการตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงภายในอาคาร จึงเป็นไปไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่ที่เฝ้านายประสิทธิ์ในห้องน้ำนั้น จะมีส่วนรู้เห็นถึงการหลบหนีระหว่างพิจารณาคดีในครั้งนี้ 

นอกจากนี้ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยอีกว่า เรายังได้มีการให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมตรวจสอบถึงเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และบุคคลที่อยู่รอบตัวนายประสิทธิ์ในวันเกิดเหตุ เพื่อหาความเคลื่อนไหวทางรายการเดินบัญชีในช่วงที่ผ่านมา อาทิ เจ้าหน้าที่พัศดี ผู้คุม ผู้ช่วยผู้คุม รวมถึงผู้ต้องหาทั้งสามรายที่อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำขณะนี้ที่ให้ความช่วยเหลือนายประสิทธิ์ เพื่อดูว่ามีความเคลื่อนไหวในเรื่องของการโอนเงินเข้า-ออก สนับสนุนให้การช่วยเหลือในครั้งนี้หรือไม่

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยต่อว่า หากการสอบสวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์ไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวจริง โทษสูงสุดคือการถูกจำคุกและผิดวินัยร้ายแรง ก็ต้องถูกไล่ออกจากราชการ 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีที่นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหา ได้ถูกย้ายไปแยกคุมขังยังเรือนจำกลางบางขวางนั้น เบื้องต้นยังคงไม่มีความผิดปกติใดรายงานมาจากทางกรมราชทัณฑ์ และยังคงมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คอยสอดส่องดูความเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันไม่ให้นายประสิทธิ์ก่อเหตุอื่นใดที่มีผลต่อชีวิตขณะถูกคุมขัง