สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า จากเหตุการณ์นักปีนเขา 18 คน เสียชีวิต เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้ไม่พบศพ 5 ราย ทางการเนปาลจึงมีความกระตือรือร้น ในการปรับปรุงความปลอดภัย รวมถึงการทำความสะอาดภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงที่สุดโลก ซึ่งมีการทิ้งขยะหลายตัน

แม้นักปีนเขามืออาชีพหลายคน ใช้อุปกรณ์ติดตามจีพีเอสอยู่แล้ว แต่สำหรับฤดูปีนเขาในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ ทางการเนปาล จะบังคับให้นักปีนเขาทุกคน ใช้อุปกรณ์ติดตามขนาดเล็ก ซึ่งง่ายต่อการเย็บเข้ากับเสื้อแจ๊กเกต, ไม่ใช้ไฟฟ้า และสามารถติดตามได้ด้วยเครื่องตรวจจับแบบมือถือ ในระยะประมาณ 20 เมตร เพื่อระบุตำแหน่งผู้ที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างการปีนเขา

“ในปีนี้ นักปีนเขาต้องใช้อุปกรณ์ติดตาม เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ เราจะสามารถระบุตำแหน่งของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ” นายราเคช กูรุง ผู้อำนวยการฝ่ายการปีนเขา จากกรมการท่องเที่ยวเนปาล กล่าว

ทั้งนี้ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการปีนเขาในเนปาล ทำให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจอย่างดุเดือด ระหว่างบริษัทต่าง ๆ ตลอดจนเกิดความกังวลว่า บริษัทบางแห่งอาจละเลยเรื่องความปลอดภัย

นอกเหนือจากอุปกรณ์ติดตาม เทศบาลชนบทบริเวณภูเขาเอเวอเรสต์ ยังออกกฎระเบียบใหม่มากมาย ซึ่งรวมถึงการบังคับให้นักปีนเขาพกพาถุงเก็บอุจจาระ เพื่อนำไปใช้ในการขับถ่ายบนภูเขานอกเบสแคมป์

อนึ่ง ขยะหลายตันบนภูเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งมีทั้งกระป๋องเปล่า, ขวดน้ำ, กระป๋องแก๊ส, อุปกรณ์ปีนเขาที่ถูกทิ้ง, ขยะพลาสติก และอุจจาระของมนุษย์ ทำให้ภูเขาเลื่องชื่อแห่งนี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ถังขยะที่สูงที่สุดในโลก.”

เครดิตภาพ : AFP