การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly - UNGA) วาระพิเศษเร่งด่วน ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (United Nations - UN) ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ประชุมฯ มีมติยืนยันถึงอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนภายในพรมแดนยูเครน และตำหนิการรุกรานยูเครนของรัสเซีย อย่างรุนแรงที่สุด โดยเรียกร้องให้รัสเซีย หยุดใช้กำลังและถอนกองกำลังออกจากยูเครนในทันที และยังมีมติตำหนิเบลารุสด้วย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังในยูเครน ด้วยคะแนนเสียงจากประเทศที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ เห็นด้วย 141 เสียง ไม่เห็นด้วย 5 เสียง และงดออกเสียง 35 เสียง 5 ชาติที่ไม่รับรองมตินี้ ได้แก่ รัสเซีย เบลารุส เกาหลีเหนือ ซีเรีย และเอริเทรีย 35 ชาติที่งดออกเสียง อาทิ จีน เวียดนาม ลาว อินเดีย อิรัก อิหร่าน มองโกเลีย ปากีสถาน ศรีลังกา คิวบา แอฟริกาใต้ ฯลฯ
หลังการลงมติ นายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก แถลงต่อที่ประชุมว่า “ประเทศไทยได้พิจารณาร่างมติอย่างรอบคอบ และลงมติสนับสนุนมติ เพราะปัจจัยที่สำคัญมากสุดที่ไทยยึดถือ และเป็นแนวทางที่ต้องปกป้องไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ คือ กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเคารพต่ออธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และการไม่ใช้ความรุนแรงต่อรัฐอื่น… การสนับสนุนของเราต่อมติ เน้นย้ำถึงความเป็นกังวลสูงสุดต่อชะตากรรมที่กระทบต่อพลเมือง และผลกระทบด้านมนุษยธรรมของความมุ่งร้าย และการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ ด้วยเหตุนี้ เราขอร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามพันธสัญญาภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชน อย่างถึงที่สุด… เรายังกังวลถึงผลกระทบระยะยาวที่จะเกิดขึ้น ต่อการยึดกฎกติการะหว่างประเทศเป็นพื้นฐาน เรียกร้องให้กลับมาพิจารณาเรื่องสันติภาพ ให้ทุกภาคส่วนยกระดับการเจรจาผ่านทุกช่องทาง และตระหนักถึงปัจจัยที่จะนำไปสู่สันติภาพท่ามกลางสถานการณ์นี้”
สำหรับในประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เปิดแถลงข่าวที่ สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศยูเครน ตลอดจนประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและรัสเซีย มีใจความว่า “… เราขอบคุณที่รัฐบาลไทย มีจุดยืนที่สมดุล เราหารือกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา เราดีใจที่ฝั่งไทยพร้อมฟังในสิ่งที่เราพูด แม้ว่าจะมีแรงกดดันสูงมากจากรัฐบาลชาติตะวันตก ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้มายาวนาน เราไม่เคยขัดแย้งทางการเมืองต่อกัน… ความเคลื่อนไหวของรัสเซียคือปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยเปรียบเทียบกับการที่สหรัฐส่งกองทัพเข้าไปยังอัฟกานิสถาน ตั้งแต่ปี 2544 การที่กองทัพสหรัฐเข้าไปในอัฟกานิสถาน เรียกว่าสงครามหรืออะไร ผมจำไม่ได้ว่า สหรัฐประกาศสงครามต่ออัฟกานิสถาน เป้าประสงค์ของเราคือการทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของยูเครน เราต้องการเห็นยูเครนแบบที่เป็นมิตร มีสันติ ไม่ใช่ตัวสปริงบอร์ดให้นาโต ดังนั้นผมไม่คิดว่านี่คือสงคราม เราไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ หลังจากกองทัพยูเครนโจมตีภูมิภาคดอนบาส ซึ่งมีชาวรัสเซียอยู่ 8 แสนคน รัสเซียพยายามยุติสงครามที่ยูเครนเริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อน”
และเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 นายโอเลกซันดร์ ลีซัก อุปทูตยูเครนประจำประเทศไทย แถลงข่าวมีใจความว่า “…ขณะนี้ไม่มีอาสาสมัครชายไทยอยู่ในยูเครน หรือร่วมรบในฐานะทหารในยูเครน….. ขอขอบคุณรัฐบาลไทยและคนไทยที่ให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมแก่ยูเครนด้วย คนไทยบริจาคเงินกว่า 7 ล้านบาท มายังบัญชีเฉพาะกิจของสถานทูตยูเครนแล้ว โดยเงินจำนวนนี้จะส่งไปให้ธนาคารกลางยูเครน เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และขณะนี้ได้โอนไปแล้วมากกว่า 5 ล้านบาท
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (Foreign Correspondents’ Club of Thailand - FCCT) ได้จัดการเสวนา ในหัวข้อ “การรุกรานยูเครนของรัสเซียมีความหมายอะไรต่อประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้?” (What does Russia’s invasion of Ukraine mean for Thailand and Southeast Asia)
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 ผ่านโปรแกรม Zoom วิทยากรที่เข้าร่วมการเสวนา ประกอบด้วย นายกันตธีร์ ศุภมงคล อดีต รมว.การต่างประเทศ นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศ และนายไนเจล กูล เดวีส์ นักวิชาการจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาเชิงกลยุทธ์ (IISS) สถาบันวิจัยในประเทศอังกฤษ และอดีตเอกอัคราชทูตอังกฤษประจำประเทศเบลารุส โดยมีนายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซีอังกฤษประจำประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการเสวนา
ช่วงหนึ่งในการเสวนาของ นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ อาทิ รัสเซีย อินโดนีเซีย เยอรมนี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ได้อภิปรายสะท้อนทรรศนะที่มีประสบการณ์ด้านการต่างประเทศ ภายใต้มุมมองอย่างรอบด้านและแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ และสาเหตุของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ผลักดันให้นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และประเทศรัสเซียเข้าสู่มุมอับ โดยติดอาวุธให้ยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ ตนเองเคยเป็นเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก มาเป็นเวลา 3 ปี และรู้ว่ารัสเซีย ได้รับความทุกข์ยากอย่างไรในประวัติศาสตร์ ขณะที่นายกษิตกำลังอภิปรายอยู่นั้น มีผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เป็นชาวตะวันตกบางคนไม่พอใจที่นายกษิตแสดงความเห็นใจรัสเซีย มีการพูดสอดแทรกเป็นระยะๆ เป็นการทำลายบรรยากาศของการเสวนาอย่างไม่มีมารยาท นายกษิตจึงกล่าวขึ้นว่า ให้ผมกล่าวให้เสร็จก่อน แต่ถ้าไม่พอใจก็ไปชกกันข้างนอกได้ (We can have a fight outside.) และกล่าวเตือนนักข่าวต่างประเทศว่า กรุณาใช้ความสุภาพด้วย นายโจนาธาน เฮด ผู้ดำเนินการเสวนา ได้กล่าวห้ามปรามว่า นักข่าวต่างประเทศมีเวลาถาม และแสดงความเห็นหลังจากที่นายกษิตและวิทยากรพูดเสร็จแล้ว บรรยากาศการเสวนาที่ไม่ราบรื่นจึงคลี่คลายลง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์โลกที่มีการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับรัสเซียนั้น ทั้งสองประเทศต่างเป็นมิตรประเทศของไทยที่มีสัมพันธไมตรีมายาวนาน ประเทศไทยจึงต้องรักษาจุดยืนของประเทศด้วยความรอบคอบอย่างรอบด้าน เป็นกลางในการแสวงหาทางออกด้วยสันติวิธี
อ่านเพิ่มเติม :
นาฬิกาวันสิ้นโลก เหลือเพียง 1.40 นาทีก่อนเที่ยงคืน
จากสงครามเย็นที่ไม่มีการสู้รบ สู่สงครามร้อนที่สู้รบกัน
…………………………………..
คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ
โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”
อ่านเพิ่มเติมที่.. แฟนเพจ : สาระจากพระธรรม