การระบาดใหญ่ (Pandemic) ของโควิด-19 ทั่วโลกในห้วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2565ในปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 2 ปี ยังคงส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลก เนื่องจากแต่ละประเทศจำเป็นต้องปิดประเทศ ปิดเมือง (lock down) มีการใช้มาตรการหยุดการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคม เพื่อยับยั้งและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลของแต่ละประเทศต่าง ใช้นโยบายช่วยเหลือและเยียวยาแก่ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการลดผลกระทบ ที่ได้เกิดขึ้น สำหรับประเทศไทยก็มีนโยบายให้การช่วยเหลือและเยียวยาแก่ทุกภาคส่วนของสังคมเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
โครงการช้อปดีมีคืน ได้เริ่มต้นตั้งแต่ศักราชใหม่นี้ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 รวมระยะเวลา 46 วัน แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้มุ่งเน้นเฉพาะให้เกิดประโยชน์กับทางด้านการศึกษาและส่งเสริมให้ประชาชนรักการอ่านมากขึ้น โดยการซื้อสินค้า หนังสืออีเล็กทรอนิกส์ (electronic book หรือ e-book) รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระจายรายได้ในการซื้อสินค้าชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (One Tambol One Product – OTOP)
สำหรับ โครงการช้อปดีมีคืน ในครั้งนี้ ผู้สนใจซื้อสินค้าไม่ต้องลงทะเบียน เพียงแค่ซื้อสินค้าหรือบริการตามเงื่อนไขที่กำหนด แล้วขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจากร้านค้า สามารถใช้ประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2565 เพื่อหักลดหย่อนภาษีได้เหมือนกับค่าลดหย่อนอื่น ๆ ทั่วไป
การสั่งซื้อสินค้าภายใต้โครงช้อปดีมีคืนในครั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการฯ กำหนด การสั่งซื้อสินค้าตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะนำไปหักภาษีในช่วงต้นปี 2566 ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถลดหย่อนภาษีได้ดังนี้
0-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ได้สิทธิคืนภาษี จากโครงการช้อปดีมีคืน
150,001-300,000 บาท อัตราภาษี 5% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิคืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
300,001-500,000 บาท อัตราภาษี 10% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
500,001-750,000 บาท อัตราภาษี 15% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษี 20% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด6,000 บาท
1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษี 25% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด7,500 บาท
2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษี 30% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
5,000,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษี 35% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท
เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาสั่งซื้อ อี-บุ๊ก ขอแนะนำอี-บุ๊กที่ควรค่าแก่การอ่าน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและการทำงานตลอดจนการสั่งซื้ออี-บุ๊กบริจาคให้แก่ห้องสมุดโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย รวมถึงการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ซึ่งมีอี-บุ๊กในโครงการหนังสือดีที่สำนักพิมพ์วศิระได้จัดพิมพ์ขึ้น โดยมีศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้จัดจำหน่าย ทางเว็บไซต์ www.chulabook.com
อี-บุ๊กที่มีคุณค่าและน่าสนใจซึ่งเป็นผลงานของ ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ราชบัณฑิตที่มีความรอบรู้ในศาสตร์หลายแขนงเป็นผู้เขียน เริ่มจากหนังสือปฏิรูปการศึกษาซึ่งเป็นหนังสือที่ให้แนวคิดและคำแนะนำเกี่ยวกับปฏิรูปการศึกษา เนื้อหาสาระของหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วย
บทที่ 1 มาตรวัดความสำเร็จและความล้มเหลวของการศึกษา
บทที่ 2 คุณสมบัติของผู้มีการศึกษา
บทที่ 3 ความมุ่งหมายของการศึกษาที่ยังไม่สัมฤทธิผล
บทที่ 4 วัตถุประสงค์ของนโยบายการศึกษา
บทที่ 5 การศึกษาเทคโนโลยีพัฒนาคน พัฒนาสังคม และพัฒนาโลกมนุษย์
บทที่ 6 บทบาทของครูในการศึกษา
บทที่ 7 การศึกษากับเศรษฐกิจ
บทที่ 8 การปฏิรูปการศึกษา บทที่
บทที่ 9 ทศวรรษที่สองของการปฏิรูปการศึกษา
บทที่ 10 การทบทวนแนวคิดในภาพรวม
บทที่ 11 บุคลากรทางการศึกษา บทบาทที่ต่างกัน
บทที่ 12 การศึกษาขั้นพื้นฐาน
บทที่ 13 อาชีวศึกษา อุดมศึกษาและการศึกษาผู้ใหญ่
หนังสือ ความรู้เรื่องเมืองไทย (พิมพ์ครั้งที่ 2 ) เป็นหนังสือที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แนะนำในที่ประชุมร่วมกับคณะกรรมการ และคณะตัวแทนภาคประชาชนเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ เป็นประโยชน์ต่อการรู้จักประเทศไทย เข้าใจสังคมไทย และมีความตระหนักในความเป็นไทย เนื้อหาสาระของหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วย
บทที่ 1 เมืองไทยในความสับสน ลักษณะและที่มา
บทที่ 2 ระบอบการปกครองและระบบการเมือง
บทที่ 3 เศรษฐกิจไทย ความเป็นจริงและภาพลวงตา
บทที่ 4 วิวัฒนาการสังคมไทย และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
บทที่ 5 ความเป็นไทย และ ไทยสไตล์ เชิงอรรถ
หนังสือ หลักคิดการปฏิรูปประเทศไทย เป็นหนังสือที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประมวลข้อมูลและแนวความคิดมาจัดทำเป็นเอกสารในหัวข้อ หลักคิดในการปฏิรูปประเทศไทย จำนวน 9 แผ่น รวม 32 ข้อ ระบุถึงปัญหาระหว่างปี 2553-2557 ที่เกิดจากปัญหาสั่งสมมานานไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งในการเมือง เศรษฐกิจและสังคม แจกคณะรัฐมนตรีอ่านในที่ประชุมเมื่อปี 2560 โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยรอดพ้นจากคนป่วยเอเซีย เนื้อหาสาระของหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วย
บทที่ 1 สาเหตุและขอบเขตการปฏิรูปประเทศไทย
บทที่ 2 การกระชับพื้นที่ประชาธิปไตย – ความหมาย ประชาธิปไตย
2.1 รูปแบบของรัฐบาลหรือการปกครอง
2.2 หลักในการปกครอง สิทธิ 3 ประการที่อาจมีปัญหาอันนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม
บทที่ 3 ความไม่เป็นธรรมทั้งเศรษฐกิจและสังคม – ความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม – มาตรการเยียวยา สำหรับดูแลแก้ไข ความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
บทที่ 4 ปฏิรูปการศึกษาเพื่อความถูกต้องในหลักคิด
บทที่ 5 ฟ้าหลายสีภายหลังการปฏิรูปประเทศไทย
นอกจากแล้วยังมีผลงานเขียนของ ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร อีกหลายเล่ม อาทิ หนังสือเศรษฐกิจแห่งประเทศไทย หนังสือประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ หนังสือสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน การพัฒนาเศรษฐกิจไทย ตามแนวพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 หนังสือคนใกล้ปืนเที่ยง เล่ม 1 หนังสือคนใกล้ปืนเที่ยง เล่ม 2
สำนักพิมพ์วศิระยังได้จัดพิมพ์หนังสือเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของชาติ คือ หนังสือคู่มือการเรียนการสอนภาษาไทย โดยวิธีแจกลูกและสะกดคำ ซึ่งผู้เขียนได้เรียบเรียงขึ้นตามหลักภาษาไทยอย่างครบถ้วน ภายใต้แม่บทมาตราแม่ ก กา และมาตราตัวสะกด จำแนกตามอักษรสามหมู่ (ไตรยางศ์) พร้อมกับการผันวรรณยุกต์ ทุกคำมีการอธิบายความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 หนังสือเล่มนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการกำจัดจุดอ่อนของเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาการพูด อ่านและ เขียน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ของเด็กและเยาวชน เพราะภาษาไทยเป็นกุญแจสำหรับไขวิชาความรู้ในศาสตร์ทุกสาขา เป็นบันไดขั้นแรกของการศึกษาที่ไม่อาจละเลยได้ หนังสืออีกเล่มหนึ่ง คือ หนังสือสารัตถะประชาธิปไตย เป็นหนังสือที่ประมวลข้อมูลและองค์ความรู้เกี่ยวกับการเมือง การปกครองระบอบประชาธิปไตยในทุกด้านและทุกแง่มุม ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและความมั่นคง
อ่านต่อ :
– รู้เรื่องเมืองไทย-ปฏิรูปประเทศไทย
– พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยให้ถูกต้อง หน้าที่ของคนไทย
…………………………………..
คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ
โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”
อ่านเพิ่มเติมที่.. แฟนเพจ : สาระจากพระธรรม